วิพัตรา โตเต็มโชคชัยการ นักวิจัยด้านอนาคตศาสตร์ พาเราย้อนกลับมามอง “วันนี้” ผ่าน “ภาพอนาคต” ด้วยมุมมองที่ลึกและเป็นระบบ เธอชี้ว่า การวางแผนเพื่ออนาคตของสุขภาวะพนักงาน ต้องอาศัยการมองแบบรอบด้าน ทั้งในภาพที่ดีที่สุดและเลวร้ายที่สุด เพื่อเตรียมองค์กรให้พร้อมในทุกสถานการณ์ ไม่ใช่เพียงเพื่อความอยู่รอด แต่เพื่อ “การอยู่ได้อย่างมีคุณภาพ”
Foresight: เครื่องมือสำคัญในการออกแบบอนาคต
สิ่งสำคัญที่คุณวิพัตรานำเสนอ คือการใช้ “Foresight” ซึ่งเป็นกระบวนการวิเคราะห์แนวโน้มอย่างมีระบบ โดยอาศัยข้อมูล วิทยาศาสตร์ และปัจจัยเชิงสังคม เพื่อวางกลยุทธ์ล่วงหน้า Foresight ไม่ใช่การทำนาย แต่เป็นการเตรียมพร้อม ทำให้ผู้นำองค์กรสามารถตัดสินใจอย่างมีกลยุทธ์ สร้างนโยบายที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
10 มิติของสุขภาวะพนักงานที่องค์กรควรรู้จัก
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของ session นี้คือ “10 มิติของ Employee Well-being” ที่องค์กรสามารถใช้เป็นแนวทางในการออกแบบและวางแผนการดูแลพนักงาน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเริ่มจากทุกมิติพร้อมกัน แต่อย่างน้อยควรเริ่มจากจุดที่องค์กรมีศักยภาพและเห็นผลกระทบได้จริง
สุขภาวะที่ดีทางกายภาพ (Physical Well-being) ตอบสนองความต้องการทางร่างกายผ่านกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพ เช่น การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่เหมาะสม การนอนหลับเพียงพอ และพฤติกรรมการผ่อนคลาย
สุขภาวะที่ดีทางอารมณ์ (Emotional Well-being) ความสามารถในการแสดงออกและจัดการอารมณ์ ทั้งด้านบวกและลบ รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและมั่นคงกับผู้อื่น
สุขภาวะที่ดีทางจิตวิญญาณ (Spiritual Well-being) การมีเป้าหมายในชีวิต ค่านิยม และความหมายที่ชัดเจน ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนภายในของพนักงาน
สุขภาวะที่ดีทางสังคม (Social Well-being) การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น มีความสามารถในการสื่อสาร และมีเครือข่ายสังคมที่สนับสนุน
สุขภาวะที่ดีทางสติปัญญา (Intellectual Well-being) การแสวงหาความรู้ พัฒนาตนเอง มีความตื่นตัวในการเรียนรู้ และมีทักษะในการคิดวิเคราะห์
สุขภาวะที่ดีด้านความคิดสร้างสรรค์ (Creative Well-being) ส่งเสริมให้พนักงานได้แสดงออกทางศิลปะ การใช้จินตนาการ การคิดเชิงนวัตกรรม และการรับฟังมุมมองที่หลากหลาย
สุขภาวะที่ดีด้านอาชีพ (Occupational Well-being) ความพึงพอใจในอาชีพ ความรู้สึกว่าการทำงานมีความหมาย และมีโอกาสในการเติบโตในสายอาชีพ
สุขภาวะที่ดีด้านการเงิน (Financial Well-being) ความมั่นคงและพึงพอใจในสถานะทางการเงินปัจจุบัน รวมถึงการวางแผนการเงินในอนาคตอย่างรอบคอบ
สุขภาวะที่ดีด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Well-being) การทำงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย สะอาด และสนับสนุนสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ
สุขภาวะที่ดีด้านดิจิทัล (Digital Well-being) การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างสมดุล เพื่อส่งเสริมสุขภาพ ลดความเครียด และสร้างสมาธิในการทำงาน
คุณวิพัตราเน้นว่า หลายมิติสามารถเริ่มได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก หากแต่ต้องอาศัยความเข้าใจ ความเอาใจใส่ และความเชื่อมั่นว่า “การดูแลสุขภาวะของพนักงาน คือการลงทุนเพื่ออนาคตขององค์กร”
สุขภาวะที่ดี คือ หัวใจขององค์กรที่ยั่งยืน
งานวิจัยและประสบการณ์ต่าง ๆ ชี้ตรงกันว่า พนักงานที่มีสุขภาวะที่ดี ย่อมมีแรงจูงใจในการทำงานสูงขึ้น มีความผูกพันกับองค์กรมากขึ้น และสร้างผลงานได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งล้วนส่งผลต่อประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันขององค์กรในระยะยาว
คุณวิพัตราทิ้งท้ายด้วยข้อคิดที่ทรงพลังว่า หากองค์กรต้องการไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไม่หยุด การดูแลสุขภาวะของพนักงาน ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือ “ความจำเป็นเชิงกลยุทธ์” ที่ต้องเริ่มลงมือทำตั้งแต่วันนี้