และมาปี 2568 นี้คำพูดที่สำคัญและท้าทายคนที่ทำงานในวงการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (HR) ก็คือ HR ต้องมีความกล้าโดย Dave Ulrich ถึงกับนำไปเป็นชื่อหนังสือเล่มใหม่ที่อยู่ระหว่างการจัดทำที่ชื่อว่า“The Future of HR: Leading with Courage to Create Sustainable Stakeholder Value (อนาคตของ HR : นำด้วยความกล้าเพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนอย่างยั่งยืน)”
คำถามสำคัญ 3 คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ
คำถามที่หนึ่ง :ทำไม HR จึงต้องมี “ความกล้า”
เหตุผลสำคัญที่ Dave บอกว่าถึงเวลาแล้วที่ HR จะต้องมีความกล้าก็ด้วยเหตุผลสองข้อคือ
หนึ่งบทบาท HR จะต้องเข้มข้นขึ้นในการผสานกลยุทธ์และหน่วยงานของ HR ให้มีความสอดคล้องกับคุณค่าที่ผู้มีส่วนได้เสียยึดถืออันจะนำไปสู่ผลลัพธ์สุดท้ายทางธุรกิจ
ผลลัพธ์สำคัญที่สุดจากการกำหนดบทบาทหน้าที่ของ HR คือ การพัฒนาศักยภาพคนในองค์กร (Human Capability) เพื่อให้ส่งผลต่อผลลัพธ์ทางการธุรกิจ (ดังแผนภาพที่1)
โดยในช่วงแรก การลงทุนในทุนมนุษย์ (Human Capital) คือการลงทุนกับคนมากความสามารถ (Talent)+ ลงทุนการพัฒนาองค์กร + ลงทุนพัฒนาความเป็นผู้นำ+ ลงทุนกับ HR เมื่อดูภาพรวมแล้วจะสามารถคาดการณ์ได้ว่าน่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ดังนั้นการลงทุนในศักยภาพของมนุษย์อาจถือได้ว่าเป็นตัวชี้วัดนำ (Lead Indicator) ที่ส่งผลต่อตัวชี้วัดตาม (Lag Indicator) อันเป็นผลลัพธ์สุดท้ายของธุรกิจ
พอมาถึงช่วงที่สอง เริ่มมองเห็นชัดว่าการเติบโตของรายได้มาจากการที่ลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการมากขึ้นการที่ลูกค้าจะซื้อสินค้าหรือบริการเพิ่มมากขึ้นก็ขึ้นอยู่กับการได้รับประสบการณ์จากสินค้าหรือบริการนั้นโดย Dave Ulrich ได้ชี้ให้เห็นจากงานวิจัยว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ผ่าน 4แหล่ง คือ (ดังแผนภาพที่ 2)
การเงิน (Financial) :เราสามารถเข้าถึงเงินทุนเพื่อการเติบโต และมีวินัยในการลิตสินค้าหรือบริการด้วยต้นทุนที่ต่ำลงอันจะนำไปสู่ราคาสินค้าหรือบริการที่สมเหตุสมผล
กลยุทธ์/การตลาด (Strategy/Marketing):เรามีสินค้า หรือบริการ และตำแหน่งทางการตลาดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เทคโนโลยี /การดำเนินงาน: เรามีระบบปฏิบัติการ มีเทคโนโลยี และมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีกว่าคู่แข่ง
ศักยภาพของคนในองค์กร: เรามีบุคลากรที่เก่งกว่า มีองค์กรที่เข้มแข็งกว่า และผู้นำที่ดีกว่าคู่แข่ง
และจากการทำวิจัยกับผู้บริหารของ Dave Ulruch พบว่าแม้ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปตามอุตสาหกรรมและกลยุทธ์ของบริษัท แต่โดยภาพรวมแล้วผู้บริหารที่เข้าร่วมการทำวิจัยให้ความเห็นว่าการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าให้นำหนักกับ “ศักยภาพของคนในองค์กร” ด้วยคะแนนอยู่ที่ 30 ถึง40 คะแนนจาก 100 คะแนน ซึ่งสะท้อนได้ว่าเมื่อลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีกับองค์กรอันเนื่องจากศักยภาพของคนทำงาน ลูกค้าก็จะซื้อสินค้ามากขึ้นอันจะส่งผลให้ผลลัพธ์ทางการเงินของธุรกิจเพิ่มมากขึ้นด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งการให้คุณค่าของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยึดถืออย่างเช่น ลูกค้า เป็นตัวกำหนดผลลัพธ์ทางธุรกิจในอนาคต
ในช่วงที่สามผลต่อเนื่องจากช่วงที่สองที่แสดงให้เห็นว่าคุณค่าที่ลูกค้ายึดถือเป็นตัวกำหนดผลลัพธ์ทางธุรกิจในอนาคตจึงทำเกิดภาพที่เชื่อมโยงได้ว่า “ศักยภาพของคนในองค์กรเป็นตัวขับเคลื่อนคุณค่าที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยึดมั่นอันจะนำไปสู่ผลลัพธ์สุดท้ายของธุรกิจ (Lag Business Result)” โดย Dave Ulrich ได้ให้แนวทางในการหล่อหลอมคุณค่าที่ผู้มีส่วนได้เสียยึดถือเข้าไปในการพัฒนาศักยภาพของคนในองค์กรดังนี้
หนึ่ง มองไปข้างหน้าเพื่อดูว่าอะไรกำลังเป็นตัวกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมและตำแหน่งาทางธุรกิจขององค์กรของของเราในระบบนิเวศทางธุรกิจ
สอง เข้าไปร่วมมือเสมือนเป็นหุ้นส่วนกับผู้มีส่วนได้เสียในองค์กรซึ่งเป็นผู้กำหนดมูลค่าที่ผู้มีส่วนได้เสียยึดถือ
สาม แม้เป็น HR แต่ควรใช้เวลาอยู่กับลูกค้านักลงทุน และคนในชุมชนแวดล้อมบริษัทซึ่งเป็นผู้กำหนดมูลค่าที่ผู้มีส่วนได้เสียยึดถือ
โดย“ความกล้า” ที่จะทำให้การผสานกลยุทธ์และหน่วยงานของ HR ให้มีความสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจที่นำไปสู่ผลลัพธ์ทางการเงินก็คือ HR จะต้อง“กล้า” ก้าวข้ามวิธีการทำงานที่เป็นความคุ้นชินแบบเดิม ๆ (Comfort Zone) ที่จะมองเฉพาะขอบเขตงาน HR หรือมองเพียงลูกค้าภายในคือ พนักงานและผู้บริหารแต่ให้มองไกลไปถึงผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดทั้งผู้ถือหุ้น ทั้งคนในชุมชนและโดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าภายนอกที่จะซื้อสินค้าและบริการจากเรา แล้วเข้าหาเข้าไปมีส่วนร่วม เข้าไปรับรู้สิ่งที่เป็นค่านิยมที่ผู้มีส่วนได้เสียเพื่อจะได้นำมาออกแบบกลยุทธ์และออกแบบการพัฒนยาศักยภาพของคนให้ตอบสนองต่อคุณค่าดังกล่าว
สองหน่วยงาน HR พึงมีคุณลักษณะ 10 ประการของหน่วยงาน HR ที่ทรงประสิทธิภาพในอันจะส่งมอบคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กร (Stakeholder)
จากการทำวิจัยและทวนสอบหลายรอบของ Dave Ulrich พบว่าหน่วยงาน HR ที่ทรงประสิทธิภาพในการจะส่งมอบคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กร (Stakeholder) นั้น จะมีทั้งหมด 10 ข้อ(ดังแผนภาพที่ 3) กล่าวคือ
1. ชื่อเสียงของ HR (HR Reputation)
2. ลูกค้าของ HR (HR Customers)
3. เป้าประสงค์ของ HR (HR Purpose)
4. การออกแบบโครางสร้าง HR (HR Design Or Structure)
5. การพัฒนาขีดความสามรถของคนในองค์กร (Human Capability)
6. การปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในงาน HR (HR Digital Technology)
7. การวิเคราะห์ในงาน HR (HR Analytics)
8. แนวปฏิบัติในงาน HR (HR Practices)
9. ความเป็นมืออาชีพในงาน HR (HR Professionals)
10. การสร้างความสัมพันธ์ของ HR (HR Relationships)
และเพื่อจะให้หน่วยงาน HR เป็นหน่วยงานที่ทรงประสิทธิภาพในการจะส่งมอบคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กร (Stakeholder) HR จะต้อง“มีความกล้าที่จะประเมินตัวเอง” อย่างตรงไปตรงมาว่า ได้มีคุณลักษณะ 10 ประการดังกล่าวข้างต้นมากน้อยเพียงใดและหากประเมินแล้วพบว่า ยังขาดคุณลักษณะดังกล่าว HR ก็ต้อง“มีความกล้าที่จะปรับปรุงพัฒนาหน่วยงาน HR” ดัวยเช่นกัน
คำถามที่สอง เราจะมองเห็นได้อย่างไรว่า HR คนไหนมีความกล้า
หากจะมองว่าคนไหนมี “ความกล้า”เราสามารถมองได้ด้วยชุดทักษะ (Skill Set) ใน 7 ด้าน ดังต่อไปนี้
1. กล้ายอมรับความเสี่ยงด้วยการใช้ข้อมูล และสามารถประเมินความเสี่ยงได้ว่าเมื่อใดต้องทำอะไร หรือไม่ทำอะไร
2. กล้าที่จะท้าทายอดีตและปัจจุบันเพื่อสร้างอนาคตที่แตกต่างกล้านำเสนอแนวคิดที่อาจต้องอาศัยการคิดและการดำเนินการที่ทันสมัย
3. รู้ว่าเมื่อใดควรก้าวเดินอย่างกล้าหาญเพื่อเอาชนะปัญหาที่ยังคงค้างคาและรู้ว่าเมื่อใดควรอดทนและปล่อยให้เวลาผ่านไปก่อนที่จะลงมือทำ
4. กล้าตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลที่มาจากการวิเคราะห์และสถิติและบางครั้งก็จะประกอบกับความเชื่อสัญชาตญาณหรือความรู้สึกลึกๆของตน
5. กล้ายอมรับความผิดพลาดเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น แล้วแบ่งปันประสบการณ์ให้ผู้อื่น
6. รับฟังผู้อื่นอย่างตั้งใจเพื่อให้ตนเองได้เข้าใจอย่างถ่องแท้และจะพูดสื่อสารได้อย่างชัดเจนว่า เขาเข้าใจเรื่องเป็นอย่างไร เขาเชื่อในเรื่องอะไรและเขาคาดหวังอะไร
7. กล้าที่จะแสดงความยกย่องชื่นชมพร้อมที่กล้าเสนอแนะเพื่อให้มีการปรับปรุง
คำถามที่สาม ทำอย่างไร HR จึงจะมีความกล้า
จะผูกโยงเข้ากับ Competency 8 Competency ของ HR เป็นแนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ ที่ Dave Ulrich เรียกว่าเป็น “สมรรถนะ 6 ด้านของคนทำงาน HR (Six Domain of HR Competence)” ดังแผนภาพที่ 4 อันประกอบไปด้วย
หนึ่ง ช่วยเร่งผลลัพทธ์ทางธุรกิจ -โดยต้องรู้ธุรกิจ ร่วมกำหนดกลยุทธ์ ส่งมอบคุณค่าแก่ผู้มีส่วนได้เสีย
สอง พัฒนาขีดความสามารถของคนในองค์กร – โดยสอดประสาน ส่งมอบและบูรณาการแนวปฏิบัติเพื่อยกระดับขีดความสามารถของคนในองค์กร
สาม สร้างการเปลี่ยนแปลง – โดยทำการเปลี่ยนแปลง สร้างความยืดหยุ่นหรือการแปรรูปให้เกิดขึ้นกับองค์กรเพื่อสนองตอบต่อการเกิดการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงรวดเร็ว (Disruption)
สี่ ใช้ AI และการวิเคราะห์ในการบริหารจัดการข้อมูล– โดยตระหนักรู้และใช้ AI ที่ทันสมัยล่าสุดปรับใช้การวิเคราะห์เพื่อเป็นแนวทางและจัดลำดับความสำคัญในการลงทุนเพื่อยกระดับขีดความสามารถของคนในองค์กร
ห้า สร้างวัฒนธรรมองค์กร –โดยออกแบบและส่งมอบวัฒนธรรมองค์กรที่ใช่และเหมาะสมในการส่งมอบคุณค่าที่ผู้มีส่วนได้เสียยึดมั่น
หก แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพส่วนบุคคล –โดยทำความกระจ่างเรื่องวัตถุประสงค์ สร้างความไว้วางใจ ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีในการยึดถือค่านิยมโน้มน้าวบุคคลอื่นได้ เป็นของจริง กล้าเสี่ยง
โดย Dave Ulrich ได้ขยายความเพิ่มเติมว่า HR สามารถแสดงให้เห็นถึงความกล้า ดังที่ระบุไว้ใน แผนภาพที่ 5 ดังนี้
ความกล้าในการช่วยเร่งผลลัพทธ์ทางธุรกิจ :
ความกล้าในการพัฒนาขีดความสามารถของคนในองค์กร:
ความกล้าในการสร้างการเปลี่ยนแปลง:
ความกล้าในการใช้ใช้AI และการวิเคราะห์ในการบริหารจัดการข้อมูล
ความกล้าในการสร้างวัฒนธรรมองค์กร:
ความกล้าในการแสดงให้เห็นประสิทธิภาพส่วนบุคคล
บทสรุปส่งท้าย
หากจะสรุปคำตอบต่อคำถามสำคัญ 3 คำถามที่เกี่ยวกับที่ว่า “HR ค้องมีความกล้า”ด้วยจุดตั้งต้นที่ว่า ทำไม HR จึงต้องมีความกล้า ก็เพราะ HR มีบทบาทสำคัญในการผสานกลยุทธ์และหน่วยงานของ HR ให้มีความสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจที่นำไปสู่ผลลัพธ์ทางการเงินก็โดยจะต้อง “กล้า” ก้าวข้ามวิธีการทำงานที่เป็นความคุ้นชินแบบเดิม ๆ (Comfort Zone) ที่จะมองเฉพาะขอบเขตงาน HR หรือมองเพียงลูกค้าภายในคือ พนักงานและผู้บริหารแต่ให้มองไกลไปถึงผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดทั้งผู้ถือหุ้น ทั้งคนในชุมชนและโดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าภายนอกที่จะซื้อสินค้าและบริการจากเรา แล้วเข้าหาเข้าไปมีส่วนร่วม เข้าไปรับรู้สิ่งที่เป็นค่านิยมที่ผู้มีส่วนได้เสียเพื่อจะได้นำมาออกแบบกลยุทธ์และออกแบบการพัฒนยาศักยภาพของคนให้ตอบสนองต่อคุณค่าดังกล่าวและเพื่อจะให้หน่วยงาน HR เป็นหน่วยงานที่ทรงประสิทธิภาพในการจะส่งมอบคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กร (Stakeholder) HR จะต้อง“มีความกล้าที่จะประเมินตัวเอง” อย่างตรงไปตรงมาว่า ได้มีคุณลักษณะ 10 ประการที่ Dave Ulrich ได้ทำการศึกษาวิจัยไว้โดยมีชุดทักษะ 7 ประการที่ช่วยเป็นกรอบในการมองว่า HR คนไหนที่มีความกล้าอย่างชัดเจน
และในตอนท้ายก็เป็นการสรุปด้วยคำถามที่ท้าทายว่า“ทำอย่างไร HR จึงจะมีความกล้า”โดยได้ผูกโยงกับสมรรถนะหลัก 6 ข้อของ HR พร้อมแนวทางที่คนทำงาน HR จะใช้ในการถามและประเมินตัวเองได้หากตอบตัวเองได้ว่า “เราพร้อมแล้วที่จะเป็น HR ที่มีความกล้า”
หมายเหตุท้ายบทความ: ข้อมูลในการเขียนบทความชิ้นนี้มาจากการสนับสนุนของ คุณเนาวรัตน์ บำรุงจิตต์ กูรูท่านหนึ่งในวงการ HR ที่ได้สื่อสารเป็นระยะกับ Prof. Dave Ulrich และจากผู้จัดการสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT) คือคุณวชิราภรณ์ แสงพายัพ รวมทั้งได้มุมมองและข้อแนะนำเพิ่มเติมจาด ดร.ศิริลักษณ์ เมฑสังข์ ที่ปรึกษา PMAT โดยผู้เขียนขอขอขอบพระคุณทั้ง 3 ท่านไว้ ณที่นี้ด้วยครับ