>
จาก Just in case สู่ Just in time Learning
April 22, 2022

จาก Just in case สู่ Just in time Learning

เหล่า HR มืออาชีพโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการ Development เกือบทุกคนคงจะคุ้นเคยกับการทำแผนการฝึกอบรมที่เป็นพิมพ์เขียวในการทำแผนการพัฒนาองค์กร ซึ่งแผนการฝึกอบรมที่ว่านี้ก็อาจจะมาจากการทำ Training Need Survey บ้าง ดูจากแผนงานขององค์กรที่ตั้งเป้าทั้ง Short Term Plan Medium Term Plan หรือ Long Term Plan บ้าง ซึ่งก็มาจากการสอบถามแต่ละหน่วยงานหรือองค์กร และจัดเตรียมการอบรมเหล่านั้น เพื่อที่จะ “เตรียม” การอบรมให้กับตำแหน่งงานต่างๆในองค์กรให้ “พร้อม” กับการมุ่งสู่เป้าหมายขององค์กร
ภาพ Theforgetting curve จาก hbr

ซึ่งมันก็ฟังดูดีใช่ไหมครับที่เรามีการเก็บข้อมูลการพัฒนาโดยอ้างอิงจากอนาคตขององค์กรหรือสิ่งที่จะใช้จริงๆและมีการเตรียมพร้อมพนักงานก่อนล่วงหน้าโดยการให้การฝึกอบรมและพัฒนาเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆแต่ปัญหาก็คือ พนักงานของเราลืม ในสิ่งที่เรียนรู้ไปได้ง่ายมาก HermannEbbinghaus นักจิตวิทยาชาวเยอรมันได้ค้นพบ “เส้นโค้งแห่งการหลงลืม” ซึ่งจะพบว่า 75% ในสิ่งที่ได้เรียนรู้ จะลืมหายไปภายใน 6 วันเท่านั้น ซึ่งเมื่อพนักงานที่จำเป็นจะต้องใช้ทักษะต่างๆที่เราเตรียมไว้แต่ยังไม่ไดใช้ในทันที หากต้องไปใช้ทักษะนั้นก็อาจจะหลงลืมสิ่งที่องค์กรได้พยายามพัฒนาแล้วก็เป็นได้

(ดูได้จาก ภาพ Theforgetting curve)

อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของยุคปัจจุบันอย่างที่World Economic Forum ได้มีการวิจัยไว้ว่าSkill ต่างๆที่ใช้กันในการทำงานทุกวันนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงถึง 42%หลังจากปี 2022 ฉะนั้นการที่เราเตรียมการเรียนไว้แบบJust in case เผื่อไว้ว่าจะได้ใช้แบบเดิมๆที่ชาว HRเราทำกันมาอย่างยาวนาน ก็อาจจะไม่สามารถส่งเสริมให้องค์กรเติบโตต่อไปได้อย่างที่หวังไว้

แต่ด้วยเทคโนโลยีและการพัฒนาในปัจจุบันเราสามารถนำเทคโนโลยีที่เมื่อหลายปีก่อนก็มีมานานแล้วแต่อาจจะยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จอย่าง e-learning มาพัฒนาให้กลายเป็น on-demandlearning หรือ Just inTime learning ที่องค์กรสามารถที่จะเตรียมองค์ความรู้ต่างๆเอาไว้เก็บไว้ในที่ที่สามารถค้นหาและเข้าถึงได้อย่างสะดวกและที่สำคัญสามารถเข้าถึงได้ทันที ทุกที่ ทุกเวลาจะเป็นคำตอบที่ดีสำหรับการพัฒนาในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วกับมนุษย์ที่มีข้อมูลเข้ามาในชีวิตมากขึ้น แต่ความทรงจำของมนุษย์นั้นมีอย่างจำกัดเสียเหลือเกิน

แต่การที่จะพัฒนาJust in Time Learning ให้ประสบความสำเร็จหัวใจสำคัญจะมีอยู่สามสิ่งคือInteractive(โต้ตอบเรียนรู้)Intermediate (ใช้ได้ทันที) และ Accessible(เข้าถึงง่าย) จึงจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับ 4 ประเด็นในการพัฒนาให้สามารถใช้งานได้จริงและประสบความสำเร็จ ดังนี้

1) ออกแบบการเรียนรู้โดยเข้าใจความต้องการของผู้เรียนและขององค์กร – ความรู้ที่จำเป็นต้องใช้ในองค์กรมีหลากหลายเรื่องแต่ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะเหมาะกับการใช้ Just in Time Learning ส่วนใหญ่ที่สามารถมาออกแบบใน Just inTime Learning ได้มักจะเป็นความรู้ที่สามารถนำไปใช้ได้ทันทียกตัวอย่างเช่น หัวหน้างานท่านหนึ่งกำลังต้องไปให้ Constructive Feedback กับน้องในทีม ก็อาจจะมี Just inTime Learning ที่สามารถให้ตัวอย่างประโยคที่นำไปใช้ได้ทันทีไม่ใช่ผู้เรียนต้องมานั่งฟังตั้งแต่การสร้างความเชื่อใจในทีมงานหรือเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องเป็นชั่วโมงๆ ก่อนที่จะสามารถเข้าถึงคำตอบที่ต้องการ

2) ทำให้การเรียนรู้ ”ง่าย” – คำว่าง่ายนี้ไม่ใช่เนื้อหาง่าย แต่การทำ Just inTime Learning ควรจะแบ่งเป็นส่วนย่อยๆหัวเรื่องย่อยๆที่สามารถเรียนรู้ได้ง่ายๆ หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นระดับ microlearning เลยก็ว่าได้เพื่อให้เป็นข้อมูลที่เข้าใจได้ทันทีพร้อมนำไปใช้ นอกจากนั้นแล้ว ในระบบที่ใช้บริหารจัดการ Just inTime Learning ไม่ควรที่จะเป็นไดรฟ์ที่เก็บข้อมูลมากๆแล้วให้พนักงานค่อยๆเปิดหาในแฟ้มข้อมูล แต่ควรเป็นระบบที่สามารถ ค้นหาได้ง่ายอาจจะเพียงแค่พิมพ์ keywordที่เกี่ยวข้อง ก็สามารถที่จะเปิดข้อมูลเหล่านั้นขึ้นมาได้ยกตัวอย่างที่ใกล้ตัวสุดๆ หากคุณลองค้นหาวีดีโอใน Youtube ปัจจุบันนี้คุณไม่จำเป็นต้องพิมพ์ชื่อคลิปให้ถูกต้องแค่คุณพิมพ์ข้อความที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในคลิปก็จะขึ้นคลิปที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกันขึ้นมาแล้ว ซึ่งสิ่งนี้ MachineLearning สามารถช่วยในการบริหารจัดการได้สบายๆ

3) รับส่ง Feedback กับผู้สอนได้ - การเรียนรู้แบบ Just in Time Learning มีสิ่งที่เป็นข้อจำกัดอยู่ก็คือหากผู้เรียนมีคำถามคาใจ ก็ไม่สามารถที่จะยกมือถาม หรือกดไมค์ถามได้เหมือนการเรียนแบบ face to face หรือ VirtualLearningดังนั้นหากจะพัฒนาการเรียนรู้แบบ Just in Time Learning ในองค์กร HR จำเป็นต้องจัดเตรียมช่องทางการพูดคุยสอบถามกับผู้เชี่ยวชาญที่สอนเรื่องนั้นๆ เช่น การใช้ Googleclassroom ในการส่งการบ้านและมีผู้เชี่ยวชาญมาตรวจการบ้านให้พร้อมให้ความคิดเห็นก็ดีหรือมีช่องทางการติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆก็เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของพนักงานอย่างแน่นนอน

4) กระตุ้น Learning Agility โดยสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นในองค์กร - การที่ทำ Just in Time Learning ให้ประสบความสำเร็จ พนักงานของเราจำเป็นต้องมี Learning Agility หรือความพยายามและความสามารถในการเรียนรู้ เพราะถ้าพนักงานไม่มีความสงสัยใคร่รู้เมื่อเจอปัญหาในการทำงาน พนักงานอาจจะเลือกถอยหลังกลับไม่ทำต่อหรือเลือกที่จะแก้ปัญหาแบบเดิมๆ โดยไม่หาความรู้หรือวิธีใหม่ๆ โดย HRอาจช่วยออกแบบสร้างแรงกระตุ้นให้เกิดวัฒนธรรมในการเรียนรู้ได้โดยให้รางวัลกับการเรียนรู้ โดยอาจอาศัยหลัก Gamification และการเก็บข้อมูลต่างๆมาประยุกต์ใช้รวมไปถึงผลักดันให้ผู้บริหารทำให้เห็นเป็นตัวอย่างให้องค์กรเพื่อเป็นแนวทางและแนวปฎิบัติที่น่าสนใจและนำไปใช้ต่อได้ ซึ่งข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญที่สุดเพราะเปรียบเสมือนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นแรงให้เครื่องยนต์ ให้ระบบที่สร้างสำหรับJust in Time Learning ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง

สุดท้ายแม้โลกจะเปลี่ยนไปแค่ไหนเทคโนโลยีในการเรียนรู้จะก้าวหน้าไปสักขนาดไหน หรือว่าจะใช้การเรียนรู้แบบ Just inCase Learning  หรือ Just in Time Learning สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสร้างคนในองค์กรของเราให้ Just Curious กระตือรือร้นที่จะอยากหาความรู้อย่างต่อเนื่องเพราะถ้าหากคนในองค์กรไม่มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆต่อให้มีระบบการเรียนรู้ที่ดีเลิศเพียงใดก็จะเป็นเพียงระบบเปล่าๆที่ไม่มีการพัฒนาใดๆอยู่ในนั้นเลย

 

Ref.

https://hbr.org/2019/10/where-companies-go-wrong-with-learning-and-development

https://blog.gutenberg-technology.com/en/5-tips-for-using-just-in-time-learning-for-ld

https://www.advantageperformance.com/implementing-just-in-time-learning/

https://hbr.org/2018/07/4-ways-to-create-a-learning-culture-on-your-team

https://hbr.org/2015/12/4-ways-to-become-a-better-learner

Tag:
No items found.
Share this post:
วัฒนศักดิ์ วิบูลย์ชัยกุล

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024