>
มาออกแบบวิธีการ "วัดผล" การเรียนรู้และพัฒนาคนในองค์กร ในยุค Upskill Reskill กันเถอะ
April 6, 2023

มาออกแบบวิธีการ "วัดผล" การเรียนรู้และพัฒนาคนในองค์กร ในยุค Upskill Reskill กันเถอะ

แนวโน้มของธุรกิจในปัจจุบันมีแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลต่อ Competency หรือสมรรถนะของพนักงานที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน หลายองค์กรให้ความสนใจกับเรื่อง การเพิ่มทักษะให้สูงขึ้นของพนักงานหรือทำให้พนักงานเชี่ยวชาญในงานเพิ่มมากขึ้น หรือ "Upskill" การสร้างทักษะใหม่ที่มีความแตกต่างไปจากเดิม เพื่อเปลี่ยนผ่านพนักงานให้ไปสู่บทบาทหน้าที่ใหม่ หรือ "Reskill" จากรายงานของ Deloitte ในปี 2564 พบว่าผู้บริหารขององค์กร กว่า 41% อยู่ในช่วงที่จะต้องบริหารจัดการให้พนักงาน Upskill และ Reskill ให้สำเร็จ ซึ่งจะต้องวางแผนการเรียนรู้และพัฒนาร่วมกับผู้ที่ดูแลงานด้านพัฒนาทรัพยากรบุคคล หรือ (Human Resource Development: HRD)

ในช่วงที่ผ่านมางาน HRD ถูกจับตามองจากทุกภาคส่วนในองค์กร ด้วยความที่เป็นงานที่ใช้งบประมาณสูง และสามารถสรุปผลลัพธ์ที่ได้จากการเรียนรู้และพัฒนาได้ยาก แต่องค์กรก็ไม่อยากที่จะละเลยเรื่องการพัฒนาคนในองค์กรอย่างต่อเนื่องจึงทำให้งานในด้านนี้ยังคงได้รับความสนับสนุนอยู่ต่อไป แม้ว่าในบางช่วงที่องค์กรจะต้องรัดเข็มขัดประหยัดงบประมาณ งานในด้านเรียนรู้และพัฒนา หรือโครงการพัฒนาทรัพยากรบุคคลอาจจะเป็นโครงการแรก ๆ ที่จะต้องถูกตัดงบประมาณก็ตาม แต่องค์กร ก็ยังคงลังเลที่จะตัดสินใจ "หยุด" เรื่องการพัฒนาไปเสียทีเดียว เพราะการไม่พัฒนาพนักงานอาจส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวได้

องค์กรที่มีการจัดหลักสูตรฝึกอบรมหรือโปรแกรมเพื่อพัฒนาพนักงานจะนิยมวัดผลการจัดโปรแกรมแบบง่าย ๆ เช่น ความพึงพอใจโดยทั่วไปเกี่ยวกับหลักสูตรหรือโปรแกรม ความพึงพอใจเกี่ยวกับอาหาร และสถานที่ ความพึงพอใจเกี่ยวกับวิทยากร ความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้ และสิ่งที่เรียนรู้จะสามารถนำไปใช้ได้หรือไม่ในงานที่ทำอยู่ แบบฟอร์มที่ใช้เก็บข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ เรียกว่าเป็น "Happy Sheet" คือเป็นแบบฟอร์มที่ทำเพื่อให้เกิดความสบายใจว่าเงินที่ลงทุนไปในการจัดหลักสูตรพอที่จะมีคนเห็นคุณค่าและมีความคุ้มค่าอย่างมาก ไม่ใช้ว่าการเก็บข้อมูลเหล่านี้ไม่ดี แต่มันก็อาจจะยังไม่ได้ตอบโจทย์องค์กรได้อย่างชัดเจนมากเท่าไรนัก จากรายงานของ CIPD ที่ได้สอบถามจากผู้เรียนจำนวน 25% ให้ความเห็นว่า การประเมินผลเรื่องการเรียนรู้และพัฒนายังไม่เป็นระบบ และไม่สามารถสะท้อนประสิทธิภาพของการเรียนรู้ และการนาความรู้ที่ได้ไปใช้ในงานได้จริง

วิธีการวัดผลการเรียนรู้จากอดีตถึงปัจจุบัน

วิธีวัดผลการเรียนรู้และพัฒนาของ Don Kirkpatrick ที่มีมาตั้งแต่ปี 1950 ยังคงเป็นวิธีที่ถูกพูดถึงและนำมาใช้ในปัจจุบันนี้จนเรียกได้ว่าเป็นผลงานที่สุด "Classic" เรื่องหนึ่งที่คน HRD ต้องรู้จัก ซึ่งพูดถึงวิธีวัดผล 4 ระดับ ดังนี้

1. Reaction ปฏิกิริยา ที่มีต่อการเรียนรู้และพัฒนา ซึ่งเน้นการวัดผลในด้านที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกส่วนตัวที่มีต่อหลักสูตรหรือ โปรแกรมการพัฒนาของผู้เรียน ซึ่งสามารถสะท้อนออกมาในรูปแบบของคำถามหรือแบบสอบถามเพื่อวัดผลการเรียนรู้ ดังนี้

> เนื้อหาการอบรมมีความสอดคล้องกับหัวข้อที่ต้องการเรียนรู้

> การนาความรู้ที่ได้จากหลักสูตรไปใช้

> ข้อควรปรับปรุงของหลักสูตร

> ความสะดวกสบายในการเรียน

2. Learning ความรู้ ที่ได้รับวัดผลจากองค์ความรู้ที่พนักงานได้รับภายหลังจากการเรียนรู้ ซึ่งสามารถสะท้อนออกมาในรูปแบบตัวขี้วัดในการเรียนรู้ ดังนี้

> การทดสอบความรู้ก่อนเรียนรู้และหลังเรียนรู้

> การเข้าร่วมทุกหัวข้อในหลักสูตร

> เป้าหมายการนำความรู้ไปใช้ในโครงการต่าง ๆ หลังจากเรียนรู้

3. Behavior พฤติกรรม วัดผลจากการนำความรู้ไปใช้ในงาน และพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงหลังจากการเรียนรู้ ซึ่งสามารถวัดผลได้จากวิธีการประเมินพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจากวิธีการประเมินที่หลากหลาย ดังนี้

> การประเมินพฤติกรรมของผู้เรียนด้วยตนเอง

> การประเมินพฤติกรรมของผู้เรียนจากเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้างาน

> การสังเกตจากการทำงาน โดยผู้ประเมิน (Assessor)

> การประเมินพฤติกรรมจากลูกค้าในมุมบวก

4. Result ผลลัพธ์ วัดผลในเชิงตัวเลขที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ได้เรียนรู้ เช่น ผลิตภาพ (Productivity) ผลกำไร (Profit) ซึ่งมักจะใช้ตัวชี้วัดที่สามารถวัดผลได้จากตัวเลขที่ชัดเจน ดังนี้

> การเพิ่มขึ้นของผลิตภาพ

> การเพิ่มขึ้นของผลกำไร

> อัตราการรักษาพนักงาน (Employee Retention)

> ค่าคะแนนความพึงพอใจจาก

การวางแผนเรื่องการเรียนรู้และพัฒนาเพื่อนาไปสู่การวัดผลให้ได้

นอกเหนือจากทฤษฎีของ Kirkpatrick ที่อ้างถึงข้างต้นแล้ว การเรียนรู้และพัฒนาในยุคใหม่จะมองผู้ที่ดูแลงานด้าน HRD เป็นเสมือน Business Partner มากขึ้น ซึ่งจะต้องมีบทบาทตั้งแต่การวางแผน การดำเนินการ และการวัดผลเรื่องของการเรียนรู้และพัฒนาอย่างเป็นระบบโดยการใช้วิธีการแบบ RAM (Relevance, Alignment, Measurement) ในการออกแบบการเรียนรู้และพัฒนาแบบครบวงจร ดังนี้

R: Relevance หลักสูตรหรือโปรแกรมการพัฒนาจะต้องมีความเกี่ยวข้องและสอดคล้องกับโอกาสและความท้าทายทางธุรกิจขององค์กร

A: Alignment การทาความเข้าใจความคาดหวังจากการพัฒนาร่วมกับหัวหน้าหน่วยธุรกิจ ทั้งในด้านผลงานหรือเป้าหมายที่ธุรกิจจะต้องทำให้ได้ และรูปแบบการเรียนรู้ที่จะทาให้ธุรกิจประสบความสาเร็จได้ ซึ่งควรมีการพูดคุยกันอย่างชัดเจนก่อนที่จะไปเริ่มต้นออกแบบหลักสูตรหรือโปรแกรมการพัฒนาและดาเนินการทำตามแผนงาน

M: Measurement ผู้ที่ดูแลด้านการเรียนรู้และพัฒนาที่จะเป็นเพื่อนคู่คิดกับธุรกิจ จะต้องเข้าใจภาพรวมของปัจจัยความสำเร็จของการเรียนรู้และพัฒนา ตั้งแต่หลักสูตรหรือโปรแกรมที่น่าสนใจ การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติหรือมีส่วนร่วมกับการเรียนรู้ บรรยากาศในการเรียนรู้ และโอกาสในการที่ผู้เรียนจะได้นาความรู้และทักษะไปใช้ในงาน ซึ่งในบางครั้งอาจจะต้องมีการปรับปรุงกระบวนการภายในเพื่อรองรับกับการนำความรู้ไปใช้ หรืออาจจะต้องมีการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทดลองใช้วิธีการทำงานแบบใหม่ ๆ หลังจากที่ได้เรียนรู้ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะต้องตกลงกันมาตั้งแต่ขั้นตอนของ "A: Alignment" เมื่อครบทุกองค์ประกอบจึงจะสามารถนำไปวัดผลได้

การวัดผลการเรียนรู้และพัฒนาในยุค Upskill Reskill

จากทฤษฎีการวัดผลการเรียนรู้และพัฒนาทั้งรูปแบบเก่าที่ถูกใช้มาจนถึงปัจจุบัน และการวางรูปแบบการเรียนรู้ทั้งระบบเพื่อให้สามารถวัดผลได้อย่างเป็นระบบและตอบโจทย์การเป็นคู่คิดทางธุรกิจสาหรับคนที่ดูแลงานด้าน HRD ข้อมูลต่อไปนี้จะเป็น วิธีการวัดผลโดยทั่วไป และการวัดผลในเชิงของมูลค่าให้กับทุกท่านลองพิจารณาเป็นแนวทางปรับใช้ในองค์กรของท่านต่อไป

เป้าหมายการวัดผล ตัวอย่างตัวชี้วัด
Learning / Training Cost Management
  • จำนวนคนที่เข้าร่วมหลักสูตรทุกหัวข้อ
  • จำนวนคนที่เข้าร่วมหลักสูตรได้เต็มตามที่หลักสูตรสามารถรับได้
On Boarding Program ระยะเวลาที่พนักงานใหม่สามารถใช้เรียนรู้งานเพื่อให้สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องมีการควบคุม (โดยเฉพาะในงานที่มีขั้นตอนชัดเจน เช่น Customer Service, Call Center)
Employee Retention
  • จำนวนคนที่ลาออกจากองค์กรที่ไม่ได้รับการพัฒนาในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
  • ความสัมพันธ์ระหว่างสายงานที่หัวหน้างานได้รับการพัฒนาและไม่ได้รับการพัฒนาที่มีผลต่อ Turnover Rate
Internal Mobility
  • จำนวนพนักงานที่มีความพร้อมในการย้ายงานภายหลังจากที่ได้รับการพัฒนา
  • ระยะเวลาที่ใช้ในการพัฒนาพนักงานให้มีความพร้อมในการย้ายงานไปสู่งานเป้าหมาย
Competency Gap Closing อัตราส่วนการเพิ่มขึ้นของระดับ Competency ของพนักงาน (อาจวัดโดยการประเมินจากตนเอง, เพื่อนร่วมงาน, หัวหน้างาน หรือที่ปรึกษาภายนอก)

แนวทางการวัดผลในรูปแบบผลตอบแทน (Return on investment : ROI)

การวัดผลตอบแทนของการเรียนรู้และพัฒนาจะต้องใช้ความทุ่มเทและการเก็บข้อมูลที่ใช้ในการพัฒนา รวมถึงการวางแผนที่จะมีการเก็บข้อมูล ซึ่งแท้จริงแล้วควรจะต้องมีการวางแผนตั้งแต่ต้นก่อนที่จะเริ่มพัฒนา เพื่อให้สามารถเลือกวิธีการที่ถูกต้อง โดยมีปัจจัย 3 ด้าน ดังนี้

1. มูลค่าที่คาดว่าจะได้รับจากการพัฒนา เช่น การพัฒนาเพื่อให้เพิ่มผลผลิตในไลน์การผลิตจะสามารถคิดเป็นมูลค่าได้เท่าไหร่ การเรียนรู้เพื่อนำไปสร้างธุรกิจใหม่ ธุรกิจนั้นจะสามารถสร้างมูลค่าได้เท่าไหร่ การพัฒนาผู้นาเพื่อให้ผู้นำสามารถดูแลพนักงานได้ดี ลดการลาออกของพนักงานได้ สามารถประเมินมูลค่าที่เกิดขึ้นในการจ้างพนักงานใหม่ได้เท่าไหร่

2. ค่าใช้จ่ายในการพัฒนา เช่น ค่าใช้จ่ายการพัฒนาโดยวิทยากรมืออาชีพ ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาด้วยการซื้อสื่อการเรียนด้วยตนเอง ค่าใช้จ่ายหลักสูตร E-Learning และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปฝึกอบรม ค่าใช้จ่ายในการหาคนมาทำงานแทนวันที่ไปฝึกอบรม

3. ผลตอบแทน (ROI) คือการนา มูลค่าที่คาดว่าจะได้รับจากการพัฒนาลบด้วยค่าใช้จ่าย

จากวิธีในการคำนวณผลตอบแทนในรูปของตัวเงินหรือ (ROI) แม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อน แต่ก็มีข้อควรคำนึงด้านอื่น ๆ เช่น ความสามารถในการตั้งสมมติฐานในการคิดมูลค่า ที่ได้รับจากการพัฒนา สมมติฐานในการคิดค่าใช้จ่ายในการพัฒนาได้อย่างถูกต้อง และด้านอื่น ๆ ที่ควรพิจารณาประกอบ เช่น การอบรมแบบ OJT โดยหัวหน้างานแม้ว่าจะเป็นวิธีที่แทบจะไม่มีค่าใช้จ่าย และเป็นการพัฒนาสมรรถนะของหัวหน้างานด้วย แต่ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่แฝงอยู่ คือการใช้เวลาทำงานของหัวหน้างานมาใช้ในการพัฒนาพนักงาน และการพัฒนาโดยหัวหน้างานอาจจะใช้ระยะเวลาที่นานกว่าเมื่อเทียบกับการจ้างวิทยากรมืออาชีพมาสอนในระยะเวลาสั้น ๆ

แม้ว่าในปัจจุบันหลักสูตรและโปรแกรมการพัฒนาของพนักงานของ HRD อาจจะไม่สามารถวัดผลจนถึงขั้น ROI ได้ทุกโปรแกรม แต่ก็ยังไม่เท่ากับการพัฒนาไปตามแผนงานของทีม HR เอง โดยที่ไม่ได้คำนึงถึง Learning Needs ที่ตอบโจทย์เป้าหมายและธุรกิจอย่างชัดเจน รวมถึงการขาดบทบาทในการสนับสนุน เรื่องสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่จะทำให้เกิด Learning Transfer หรือการนำความรู้ทักษะที่ได้ไปใช้ในการทำงาน ซึ่ง HR สามารถเป็นส่วนช่วยในการทำให้ทักษะใหม่ ๆ เกิดการลงมือปฏิบัติจนเชี่ยวชาญและเกิดการปรับปรุงให้เข้ากับบริบทขององค์กรได้

ที่มา

หนังสือการประเมินความคุ้มค่าเงินในงาน HRD โดย Richard A. Swanson

Learning and skills at work - CIPD

Evaluating learning and development - CIPD

6 Learning & Development Metrics That Your CEO Will Care About - Linkedin

How to Measure Training Effectiveness in 2022 - Simplilearn

5 L&D Metrics That Actually Matter to the C-Suite - CGS

Tag:
No items found.
Share this post:
ชินภัทร์ สุวรรณพุ่ม

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024