>
การลาออกครั้งสำคัญของ Generation Z
February 10, 2023

การลาออกครั้งสำคัญของ Generation Z

ทุกท่านทราบหรือไม่ว่า ในปี 2030 ประชากรโดยเฉลี่ยในองค์กรของท่านจะมีพนักงานที่เป็น Generation Z มากถึง 30% นั่นหมายความว่า วัฒนธรรมองค์กรที่เคยถูกจัดตั้งขึ้นมาเมื่อ 30 ปีก่อนหน้านี้กำลังจะเกิดการท้าทายที่เข้มข้นมากขึ้นจากพลังของคนรุ่นใหม่ ทั้งกระบวนการทำงาน สวัสดิการ โครงสร้างค่าจ้าง และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ work-life quality ต่าง ๆ

ความต้องการของคนยุคใหม่ย่อมมีความแตกต่างหลากหลายและมีสิ่งที่ยากจะตีความให้เข้าใจหากใช้นิยามของอดีตมาเหลียวมอง(เสมือนคนที่เล่นพระเครื่อง ไม่เข้าใจการสะสมตุ๊กตาโมเดล หรือฟิกเกอร์ตัวการ์ตูนและในทางกลับกัน) ดังนั้นเราจึงเห็นองค์กรหลายที่ต่างลุกขึ้นมาปรับตัวเพื่อป้องกันปัญหาการ“ลาออกจากงานแบบฉับพลัน” หรือที่เรามักเรียกทับศัพท์ว่า Job-Hop ซึ่งเปรียบเทียบกับ Café hopping หรือการที่ผู้บริโภคไม่ยึดติดกับการกินดื่มที่ร้านใดร้านหนึ่งหากแต่จะเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย ๆและบางครั้งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในกรอบเวลาเพียงชั่วพระอาทิตย์ขึ้นและตกในหนึ่งวันกลยุทธ์ต่าง ๆที่บริษัทต่างสรรหาขึ้นมาเพื่อรับมือกับการลาออกจากงานแบบฉับพลันนั้นมีตั้งแต่การออกแบบตำแหน่งงานใหม่ที่สอดคล้องกับความนิยมของ Gen Z มากขึ้น

 

ตัวเลขของการเปลี่ยนงานของพนักงานGen Z นั้นปรับตัวสูงขึ้นถึง 40% จากปีที่ผ่านมา(ข้อมูลจาก LinkedIn) คุณ Madison Vitug ซึ่งเป็น recruiter Gen Z ของบริษัท LinkedInออกมาเผยว่า วิธีการรับมือเพื่อป้องกันการลาออกของ Gen Z (และรวมถึง generation อื่น ๆ ด้วย) ที่ดีที่สุดคือการปรับเรื่อง “ความยืดหยุ่น” ในการทำงาน (flexible work) ทั้งนี้เนื่องมาจากการเก็บสถิติการลาออกจากงานในปี2022 เป็นต้นมา พบว่า สาเหตุการลาออกหลักของ Gen Z คือการที่บริษัทไม่มีความยืดหยุ่นในการทำงานที่มากพอ (72%)

นอกจากนี้ตัวเลขที่น่าสนใจจากLinkedInยังแสดงให้เราเห็นว่า Gen Z นั้นมีความทะเยอทะยานที่พุ่งสูงขึ้นซึ่งทำให้เรื่อง “ฐานค่าจ้าง” หรือ “รายได้” กลายเป็นปัจจัยรองในการเลือกงานหรือการย้ายงานทันที เนื่องจากความเป็นปัจเจกของกลุ่มคนยุคนี้นั้นต้องการความมีตัวตนที่ชัดเจนมากที่สุดดังนั้น การเลือกเข้าทำงานในองค์กรใดองค์กรหนึ่งนั้น พวกเขาจึงมองไปถึงระดับ“วิสัยทัศน์” หรือแม้แต่วัฒนธรรมองค์กร เช่นบริษัทนี้มีนโยบายอย่างไรเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ หรืออยู่บริษัทนี้สามารถแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้อิสระได้มากแค่ไหนเป็นต้น

 

อีกหนึ่งปัจจัยที่น่าสนใจไม่แพ้เรื่องความคิดและค่านิยมคือการพัฒนาตัวเองผ่านงานที่ทำ Forbes ได้เปิดเผยรายงานจากการสำรวจของ Amazonกับประชากรวัยทำงานยุคใหม่ประมาณ 3,000 คน พบว่ากว่า74% ตั้งสมมติฐานว่าตนเองจะเก่งขึ้นทุกครั้งที่มีการย้ายงาน โดยพวกเขากลัวว่าการที่อยู่ที่เดิมไปนานๆ จะเกิดความถดถอยทางการพัฒนา เช่น ไม่เติบโตหรืองานประจำที่วนไปวนมาไม่มีความท้าทายใหม่ ๆ เข้ามา หรือรู้สึกว่าผลิตภัณฑ์ในองค์กรของตัวเองนั้นล้าสมัยตามเทคโนโยลีไม่ทันนั่นเองด้วยสาเหตุหลากหลายประการก่อให้เกิดปรากฏการณ์ FOMO – Fear Of Missing Out หรือที่เราชอบเรียกกันว่า “ตกรถ” หรือ “ตามเพื่อนไม่ทัน”โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนยุคใหม่นั้นเกิดความรู้สึกต่อ peer pressure สูงมาก (เอาตัวเองเทียบกับเพื่อนตลอดเวลา)  ดังนั้นเมื่อพวกเขาเริ่มรู้สึกว่าการเติบโตในสายงานเริ่มชะงักงันหรือเกิดความล่าช้า พวกเขามักจะมองหาที่ทำงานใหม่ก่อนที่จะปรึกษาหรือนัดพูดคุยกับหัวหน้างาน หรือแม้แต่กับ HR เอง เพราะความเชื่อดังกล่าวที่พบว่าการลาออกและหางานใหม่นั้นมีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่าทั้งยังไม่ต้องเผชิญหน้ากับคำถามจากหัวหน้างาน หรือคนรอบข้าง การเปลี่ยนงานบ่อย ๆจึงเหมือนการเลือกลงเรียนรายวิชาต่าง ๆ ในการศึกษา เพื่อเพิ่มพูนทักษะในการทำงานของตัวเองไปเรื่อยๆ

 

แนวทางรับมือ

1.)   เร่งสร้าง Talent Pool ที่ถูกต้อง

ไม่มียาวิเศษที่รักษาได้ทุกโรคดังนั้นการแก้ปัญหาคนลาออกที่สมบูรณ์แบบนั้นจึงไม่สามารถสร้างได้ในระยะเวลาอันสั้นและคงทนถาวรตลอดกาลวิธีการรับมือกับปัญหาที่เหมาะสมจึงเป็นการที่องค์กรสามารถรักษาคนที่ถูกต้องและเข้ากันได้กับการเติบโตขององค์กรเอาไว้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะการลาออกก็เหมือนการพยายามเติมน้ำให้เต็มทะเลทรายเราคงไม่สามารถสร้างทะเลทรายให้กลายเป็นทะเลได้แต่เราสามารถตีกรอบล้อมพื้นที่บางส่วนให้เป็นสระเก็บน้ำที่เหมาะสมได้และพืชพรรณก็จะเจริญพันธุ์ได้อย่างงดงามที่บริเวณนั้น การสร้างระบบรักษาพนักงานศักยภาพสูงจำเป็นต้องทำตั้งแต่การสร้างตัวชี้วัดที่ถูกต้อง และมองไปถึงอนาคตในระยะยาวทั้งทักษะ ความรู้ และสมรรถนะที่จำเป็น ดังนั้นการเก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆจึงควรเป็นเรื่องที่ HRจะต้องเร่งปรับตัวให้ทันกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

2.)   ปรับความยืดหยุ่นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

การปรับความยืดหยุ่นให้เหมาะสมภายใต้กรอบการดำเนินการที่ถูกต้องไม่ได้หมายความว่าองค์กรจะต้องยกเลิกกฏกติการต่าง ๆที่ออกแบบมาอย่างถูกต้องทิ้งทั้งหมด เริ่มต้นที่การทำความเข้าใจธรรมชาติของคนทำงานและธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ บางตำแหน่งอาจสามารถยืดหยุ่นได้บางตำแหน่งอาจไม่สามารถยืดหยุ่นได้ แต่ชดเชยได้ด้วยเรื่องอื่น ๆความยืดหยุ่นอาจไม่ได้สลักฝังอยู่แค่ใน “เวลา” แต่หมายถึง “การจ่าย” และ“การประเมินผลงาน” เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นพนักงานบัญชีคงไม่สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ 100% เมือเทียบกับ SoftwareDeveloper แต่เราสามารถออกแบบรูปแบบการจ่ายที่เหมาะสมกับพนักงานบัญชีได้เช่น การให้การลาพักร้อนที่ยืดหยุ่นมากกว่า เป็นต้น

3.)   สร้างวัฒนธรรมการทำงานที่เน้น work-based learning

การทำงาน คือการเรียนรู้ในชีวิตจริง พนักงานยุคใหม่สามารถที่จะสืบค้นความรู้ต่างๆ จาก Internetได้เพียงชั่ววินาที และสามารถทำความเข้าใจได้ด้วยความเร็วสูงอย่างไรก็ตาม การออกแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสมคือ การสร้าง projectassignment หรือ “สั่งการบ้าน” ให้พนักงานไปพัฒนาโครงการในระยะยาวเช่น การสั่งให้พนักงานพัฒนาโครงการใหม่ ๆที่ท้าทายต่อทักษะเดินที่ตัวพนักงานมีอยู่ หรือแม้กระทั่งการขยายงานให้กว้างขึ้นหรือลึกขึ้น ล้วนแล้วแต่เป็น IDP – Individual Development Plan ที่เน้นการพัฒนาแบบ work-based learning คือเรียนไปทำงานไปอย่างแท้จริง

 

อ้างอิง:    

GenZ workers will be 30% of the workforce by 2030—here’s what they want from theiremployers (yahoo.com)

Howto Attract and Retain Gen Z (linkedin.com)

(23)Is Gen Z the boldest generation? Its job-hunt priorities are off the charts |LinkedIn

74%Of Millennials & Gen Z Think They Can Build Better Skills At A New Job(forbes.com)

UpskillingStudy – Workplace Intelligence

Tag:
No items found.
Share this post:
ภคภัค สังขะสุนทร

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024