>
The new HR operating Model 2023: การทำงานรูปแบบใหม่ของ HR ปี 2023
February 16, 2023

The new HR operating Model 2023: การทำงานรูปแบบใหม่ของ HR ปี 2023

สวัสดีปีใหม่ พุทธศักราช 2566 ท่านผู้อ่านทุกท่าน หวังว่าปีนี้จะเป็นปีที่ท่านผู้อ่านมีความสุข เกษมสำราญ ปลอดภัย ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ และไฟในการทำงานอย่างมีความสุขตลอดปีกระต่ายนี้

ท่ามกลางกระแสของนวัตกรรมหลายอย่างที่มีผลกระทบต่อการทำงานของธุรกิจและอุตสาหกรรมทั่วโลกบริษัทที่ปรึกษาชื่อดัง McKinsey ได้ทำการสัมภาษณ์ผู้บริหาร HR ระดับสูงจำนวน 128 คน เพื่อค้นหาอะไรคือนวัตกรรมอันสำคัญที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานของวงการ HR บ้าง

โดยจากการสำรวจ McKinsey พบว่า เราสามารถแบ่งกลุ่มของนวัตกรรมต่าง ๆ ออกได้ทั้งหมด 8 กลุ่ม โดยสิ่งที่ผู้บริหารคาดว่าจะเป็นตัวที่สร้างผลกระทบเยอะที่สุดในงาน HR คือ “ความเป็นเลิศในด้านการสร้างประสบการณ์ให้พนักงาน”หรือที่เราชอบเรียกกันว่า EX (Employee Experience) ซึ่งข้อสรุปอันน่าสนใจของการสำรวจครั้งนี้ดังต่อไปนี้

 

1.)     ความเป็นเลิศในด้านการสร้างประสบการณ์ให้พนักงาน

2.)     ก้าวข้ามความเป็นเลิศทางกระบวนการทำงานไปสู่การใช้เครื่องมือแห่งยุคสมัยใหม่ เช่น AI หรือ Big Data

3.)     มอบอำนาจให้กับผู้ปฏิบัติงานด่านหน้าของธุรกิจ (Frontline of business)

4.)     ส่งมอบกระบวนการด้าน HR แบบ“รายบุคคล”

5.)     ออกแบบอย่างบูรณาการพร้อมส่งมอบให้ถึงผู้รับอย่างรับผิดชอบตั้งแต่ต้นจนจบ

6.)     ใช้หลักการ agile (เน้นความเร็ว) ก่อนเสมอ

7.)     สร้าง HR ให้เป็นระบบอัตโนมัติ

8.)     ทำงานบริการด้าน HR ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์

 

ทั้งนี้ผู้บริหารที่ให้สัมภาษณ์อาจมองเห็นถึงเส้นทางในอนาคตที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ไกลอย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาเฉพาะหัวข้อของแค่ละนวัตกรรมแล้ว ยังมีความชวนให้สับสนและยังขาดรายละเอียดชี้แจงอีกหลายประการ ดังนั้นจึงอยากให้ผู้อ่านจับประเด็นที่สำคัญของการสำรวจในครั้งนี้ว่า“เรายังจะเจอนวัตกรรมรูปแบบใหม่ๆ ในมิติต่าง ๆ ที่เราอาจจะคาดไม่ถึงดังนั้นหากเรายังประมาทกับระบบปฏิบัติการ หรือระบบการทำงานของเราหรือยึดติดกับบรรทัดฐานเดิม ก็อาจจะก่อให้เกิดอุปสรรคในการทำงานนานับประการได้”

 

อย่างไรก็ดีเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการสร้างรูปแบบการทำงานในยุคสมัยใหม่ของ HR เราจึงอาจแบ่งรูปแบบการทำงานในอนาคตได้เป็น 5 รูปแบบ หรือ 5 HR Operating Model ได้ดังนี้

 

1.)   รูปแบบ ของ Dave Ulrich Plus (Ulrich+)

Model การทำงานรูปแบบแรกที่วิชาชีพ HR เป็นที่รู้จักและคุ้นเคยมากที่สุด คือรูปแบบของ ศาสตราจารย์ Dave Ulrich ที่โด่งดังจากนิยามคำศัพท์ HRBP – HR Business Partner โดย Ulrich พยายามที่จะบอกให้ HR ทุกคนเร่งพัฒนาตัวเองขึ้นมาให้เป็นมากกว่าแค่การบริหารจัดการงานทั่วไปแต่ต้องพยายามเข้าใจบริบททางธุรกิจให้มากขึ้น ทั้งนี้การพยายามพัฒนาตนเองเพื่อไปให้ถึงคำว่า Business Partner นั้น อาจจะเริ่มจากการสร้างทีมเล็ก ๆ ที่พัฒนาขึ้นมาจาก CoEs (Center of Excellence) แล้วแตกแขนงออกมาเป็น HRBP ประจำหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อเข้าแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตามหน่วยงานที่ตนเองปฏิบัติหน้าที่อยู่ได้อย่างเหมาะสมรูปแบบการทำงานของ Classic Ulrich นั้นได้รับเสียงวิจารณ์ค่อนข้างมากเรื่องที่ไม่สามารถแก้ปัญหาบางประการที่เกิดจากความท้าทายในงาน HR ยุคปัจจุบัน ดังนั้นการเสริมให้ model นี้แข็งแกร่งด้วยการกระจายงาน HR ออกจาก CoEs เพื่อสร้าง HRBP ที่มีความสามารถเฉพาะทางจึงเหมาะสมกว่าในการช่วยเหลือธุรกิจที่มีความหลากหลายและซับซ้อน (เช่น มีหลาย ๆ Business Units เป็นต้น)

 

2.)   Agile Model

อีกหนึ่งรูปแบบการทำงานที่โด่งดังและเป็นที่พูดถึงมากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาซึ่งเน้นความรวดเร็วในการแก้ปัญหา และทยอยส่งมอบ Solution ต่าง ๆเพื่อทดสอบความเหมาะสม ความแตกต่างของรูปแบบ Agile กับรูปแบบอื่นคือ Agile จะเน้น HRBP จำนวนน้อยแต่คล่องตัวในการเข้ารับมือกับปัญหาโดยจะประกบติดกับ Leader ขององค์กรเพื่อความรวดเร็วในการตัดสินใจและลดทอนขั้นตอนการตัดสินใจให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ในขณะที่รูปแบบอื่นจะเน้นการสร้างหน่วยงาน HRBP ที่มีองค์ความรู้รอบด้านและคัดเลือกบางคนที่เชี่ยวชาญในหัวข้อที่เหมาะสมกับปัญหาที่เกิดขึ้นองค์กรอาจเลือกใช้รูปแบบการทำงาน Agile เมื่อเกิดการ transformation ขึ้นซึ่งจะเข้ากันได้ดีกับความเร็วที่กำลังเกิดขึ้นทั่วทั้งองค์กรได้ดีกว่ารูปแบบอื่นๆ

 

3.)   EX-Driven

รูปแบบที่สามที่เริ่มเข้ามาเป็นกระแสหลักของโลก HR คือ Employee Experience Model (EX) ซึ่ง HR จำนวนมากอาจเคยได้ยินจากคำว่า Employee Journeyหรือการพยายามมองพนักงานให้เสมือนลูกค้าที่เข้ามารับบริการแล้วกำหนดจุดเชื่อมต่อต่าง ๆ ที่ HR จะมี “สัมผัส” (touchpoint) กับพนักงานโดยตรง ยกตัวอย่างเช่นตั้งแต่วันแรกก่อนที่จะกลายมาเป็นพนักงาน เขามีการติดต่อ HR เข้ามาที่จุดไหนส่งใบสมัครงานอย่างไร รับนัดสัมภาษณ์อย่างไร จนกระทั่งทำสัญญาจ้างเป็นพนักงานเข้างานวันแรก ปฐมนิเทศ on-boarding พัฒนา ฝึกอบรม ฯลฯการสร้างรูปแบบการทำงานแบบ EX-driven จะยกกรอบของงาน HR ออกไปให้ไกลกว่าแค่หน่วยงาน HR โดยอาจจะกว้างไปจนถึง IT support หรือหน่วยงานจัดซื้อ บัญชี หรือการตลาดทั้งนี้การวางกรอบในรูปแบบใหม่นั้นจะทำลายไซโลในการทำงานให้เป็นรูปแบบข้ามหน่วยงาน (Cross Functional) มากขึ้น รูปแบบการทำงานในลักษณะนี้อาจคล้ายกับองค์กรที่เป็น Amoeba Model หรือ Holacracy Model ที่ไม่เน้นลำดับชั้น หรือขั้นต่าง ๆ ของหน่วยงาน

 

4.)   Leader-Led

รูปแบบที่เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในหลาย ๆ องค์กรที่เกิดใหม่คือการโอนถ่ายงาน HR ให้ไปอยู่ที่ระดับหน่วยงานแทนเช่น การโอนมอบงานสรรหาว่าจ้าง การพัฒนาพนักงาน หรือการกำหนดงบประมาณฝึกอบรมให้อยู่ที่ line manager เป็นผู้ตัดสินใจแทน HR  อย่างไรก็ดีรูปแบบขององค์กรที่จะสามารถนำระบบการทำงานนี้ไปใช้ได้นั้นคงไม่เหมาะสมกับองค์กรทั่วไป หากแต่จะต้องเป็นองค์กรที่มีผู้นำที่เข้าใจการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่ดีในระดับหนึ่ง

 

5.)   Machine-powered

การใช้ระบบ Algorithms หรือ AI เข้ามาเป็นตัวสร้างข้อมูลในการตัดสินใจ เช่น จำนวน % การรับพนักงาน จำนวนการลาออก การขาดงาน ฯลฯ จะเป็นรูปแบบการทำงานที่ใช้ข้อมูลต่างๆ เป็นตัวช่วยกำหนดกลยุทธ์ในการทำงาน โดยเน้นระบบอัตโนมัติ หรือกึ่งอัตโนมัติในการทำงานเต็มรูปแบบองค์กรที่เหมาะสมกับรูปแบบการปฏิบัติงานแบบนี้นั้น ควรจะต้องมีความเข้าใจเรื่อง big data และมีจำนวนพนักงานที่ค่อนข้างเยอะมากพอที่จะสอนให้เกิด Machine learning ได้ อีกทั้ง HR จะต้องมีความเข้าใจเรื่อง Digital ในระดับเชี่ยวชาญ หรืออาจจะต้องใช้การ re-skill/ up-skill ในระยะเวลาหนึ่ง

 

เพื่อเป็นการเลือกใช้รูปแบบต่าง ๆให้เหมาะสมกับองค์กรของท่านนั้น อันดับแรกจึงควรจะเริ่มจากผู้บริหาร และผู้นำด้าน HR ได้มีการพิจารณาจากรูปแบบของผลกระทบที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมหรือธุรกิจของตนเองก่อนเสมอ เช่น ธุรกิจกำลังจำเป็นต้องขยายแรงงานมากขึ้น หรือต้องการลดจำนวนแรงงานลดธุรกิจมีความซับซ้อนมาก หรือกำลังอยู่ในช่วง transform ให้เล็กลงหรือคล่องตัวมากขึ้นจึงจะนำมาพิจารณาเลือกใช้รูปแบบต่าง ๆ ที่มีอยู่ และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือไม่มีรูปแบบไหนที่เหมาะสมที่สุด สุดท้ายทุก ๆ model จำเป็นจะต้องได้รับการปรับเปลี่ยนและประยุกต์ให้เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจขององค์กรของเราให้มากที่สุดนั่นเอง

  

อ้างอิง:    
A new approach to human resources | McKinsey

 

Tag:
No items found.
Share this post:
ภคภัค สังขะสุนทร

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024