>
เปลี่ยน Leader ของคุณให้เป็น Career Coach ของทีม
February 8, 2022

เปลี่ยน Leader ของคุณให้เป็น Career Coach ของทีม

ในโลกปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีความต้องการจากธุรกิจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะ การทำงานแบบ Fail Fast Learn Fast หรือแม้กระทั่งการทำงานทางไกล ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ แล้วนี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงครั้งแรกในโลกของธุรกิจ เพราะโลกธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงเสมอมา ตั้งแต่ยุค 2000 ที่มีคำฮิตๆอย่าง Reengineering ที่เน้นหา Practice ที่ดีที่สุด ปรับระบบการทำงานภายใน สร้างประสิทธิภาพให้ดีขึ้น มาจนถึง 10 กว่าปีก่อนอย่าง Digitization (ไม่ใช่ Digital Transformation นะ) ซึ่งก็คือการปรับการเข้าถึงข้อมูล กระบวนการทำงานให้ตอบสนองกับเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือจะเป็นยุคถัดมาที่เริ่มต้องการให้ทำงานกันแบบ Agile เน้นการปรับทีมที่คล่องตัว สามารถรับโจทย์หรือตอบสนองทางธุรกิจได้อย่างหลากหลาย โดยไม่ต้องให้ผู้จัดการมาจ้ำจี้จ้ำไช หรือความเปลี่นแปลงล่าสุดจากที่เราได้เจอกับโรคระบาดในปี 2020 ที่ต้องให้ความยืดหยุ่นกับพนักงาน หรือต้องจัดการงานทางไกลบ้าง ซึ่งส่งผลต่อการบริหารจัดการคนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความผูกพัน (engage) ให้พนักงานอยู่กับองค์กร การฝึกอบรมและพัฒนา ตลอดจนการรักษาวัฒนธรรมขององค์กรที่ดูเส้นแบ่งเริ่มจะเลือนลางลงทุกที

การเปลี่ยนแปลงต่างๆเหล่านี้ส่งผลให้บทบาทของพนักงานไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการ หรือตัวพนักงานเอง ต้องเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยในสามมิติหลัก ๆ

1. มิติแรก เรื่องของอำนาจ ผู้จัดการก็มีอำนาจในมือที่เปลี่ยนจากการควบคุมดูแล กลายเป็นอำนวยการให้ทีมงานสร้างสรรค์ผลงาน ส่วนพนักงานก็เปลี่ยนจากการทำแค่ตามสั่งให้เป็นการทำงานที่ได้ผลลัพธ์

2. มิติที่สอง เรื่องของโครงสร้างในการทำงาน จากเดิมที่จะเป็นโครงสร้างแบบ Waterfall ค่อยๆไหลลงมาจากนโยบายด้านบนลงมาสู่ด้านล่าง จะต้องกลายมาเป็นโครงสร้างที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ไม่มีชั้นขั้นบันไดมากมายให้ปีนป่ายอีกต่อไป เน้นการปฎิบัติงานที่ได้คุณภาพที่ดี

3. มิติที่สาม เรื่องของทักษะ จากเดิมที่มี Functional Competency ไม่กี่ตัวก็สามารถทำงานได้แล้ว ก็มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นในการพัฒนาทักษะ ยกตัวอย่างเช่น งานวิจัยที่ Mckinsey & Co ได้สำรวจเพื่อหาทักษะที่จำเป็นสำหรับงานในอนาคต ได้เป็น 4 หมวด 13 กลุ่ม 56 ทักษะ (ภาพที่ 1) ซึ่งถ้าหากดูในรายละเอียดจะพบว่ามีทั้งทักษะเก่า และทักษะใหม่ที่สอดแทรกอยู่ในนี้ บางเรื่องอย่างเช่น coaching ก็เป็นทักษะที่พูด และฝึกฝนกันมานานแล้ว แต่ในทางปฎิบัติจริงแล้ว ยากมาก จนเกือบจะถึงขั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่คนหนึ่งคนจะสามารถเชี่ยวชาญได้ครบทั้ง 56 ทักษะที่ว่ามานี้

แน่นอนการเปลี่ยนแปลงที่กล่าวมาข้างต้นส่งผลกระทบโดยตรงกับการเติบโตของพนักงาน ที่อาจจะเริ่มมองเห็นอนาคตตัวเองในองค์กรไม่ใช่อนาคตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบอีกต่อไป ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่จะมีการปรับเปลี่ยนตัวเองของพนักงานจนกระทั่งเกิดการลาออกครั้งใหญ่ทั้งในสหรัฐอเมริกา หรือแม้กระทั่งในประเทศไทยเองก็ได้เริ่มเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถ้าจะให้ HR เป็นผู้ลงไปติดตามการเติบโตและพัฒนาแต่ละคนแบบเกาะติด แม้จะมีการทำ IDP เป็นรายบุคคลแล้วก็ตาม ก็ยากเกินกว่าที่ HR จะเข้าไปติดตามผลได้ตลอดเวลา ฉะนั้น กุญแจสำคัญสำหรับการชี้ให้เห็นถึงการเติบโตในสายอาชีพให้แก่พนักงานก็คือหัวหน้างานนั่นเอง

เนื่องจากหัวหน้างานเป็นผู้ที่จะติดต่อสื่อสารกับพนักงานมากที่สุด แม้ว่าจะเป็นการทำงานแบบไฮบริดก็ตาม ดังนั้นบทความนี้จะเป็นแนวทางง่าย ๆ ให้หัวหน้างาน หรือ HR ได้นำไปถ่ายทอดแก่หัวหน้างานให้ช่วยเป็นโค้ชด้านการเติบโตในหน้าที่การงาน หรือ Career Coach ให้พนักงาน เพื่อให้พนักงานได้เห็นโอกาสที่ตัวเองจะเติบโต ได้รับการพัฒนาที่ถูกทิศทาง และหัวหน้างานได้ลูกทีมที่มีไฟ มีแรงกระตุ้นที่จะสร้างผลงานให้ทีมงานต่อไป โดยการจะเป็น Career Coach ง่าย ๆ มี 3 ขั้นตอน ดังนี้

1. ชวนน้องในทีมให้เข้าใจตัวเอง - ฟังดูเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆก็น่าจะรู้จักตัวเอง เข้าใจตัวเองอยู่แล้ว จนหลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วจะต้องเข้าใจอะไรอีก แต่คำถามในเรื่องของการก้าวต่อไปในอนาคต อาจจะไม่มีการถาม หรือให้ความสำคัญกับตัวเองบ่อยครั้งนัก ซึ่งเรามีสองวิธีในการนำพาน้องๆในทีมให้มีความเข้าใจในตัวเองมากขึ้น

ชวนกันทำ career challenge Mind Map – ลองเริ่มบทสนทนากับน้อง ๆ โดยถามถึงความท้าทายในการเติบโตของตัวเขาเอง เริ่มจากให้ลองเขียนความท้าทายที่เขาต้องเผชิญไว้ตรงกลาง แล้วถามคำถาม Who / What / When และ Why ในประเด็นความท้าทายนั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น คุณ A มีปัญหากับการทำงานกับเพื่อนต่างหน่วยงาน อาจจะลองถามว่า ทำไมคุณ A ถึงมีปัญหากับการทำงานกับหน่วยงานนี้ บุคคลลักษณะแบบใดที่ทำให้คุณ A มีปัญหา อะไรเป็นปัญหาที่แท้จริงที่คุณ A ติดค้างกับหน่วยงานนี้ คุณอาจจะชวนน้องทำ career challenge Mind Map บ่อยๆ ในทุกครั้งของการให้ Feedback ก็ได้ คุณจะทำให้น้องในทีมค้นพบ Pattern บางอย่างที่ซ่อนอยู่ในความต้องการของเขา ซึ่งจะแปรเปลี่ยนไปเป็นความต้องการในอนาคตของเขา สไตล์การทำงานของเขา คุณค่าที่เขาอยากยึดถือ ซึ่งนอกจากจะสร้าง Career Aspiration ให้น้องแล้ว คุณยังได้รู้จักน้องในทีมของคุณเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ลองสนับสนุนให้น้องไปหา Feedback จากคนอื่นเปรียบเทียบกับ Feedback ของคุณ และความต้องการในใจของน้อง – เมื่อน้องในทีมของคุณทำอะไรไปบางอย่าง คุณควรจะลองหาเวลาให้ Feedback ของคุณ และอย่าลืมให้น้อง Feedback ตนเอง โดยอาจเริ่มจากคำถามที่ว่า คุณทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร และอย่าลืมสนับสนุนให้น้องในทีมไปสอบถามความเห็นของคนที่เกี่ยวข้องกับเขาด้วย และลองมานั่งเปรียบเทียบร่วมกับในสิ่งที่ได้รับ เพื่อที่จะเห็นจุดเด่นหรือสิ่งที่ลูกทีมของคุณต้องพัฒนา

2. ใช้คำถามในหลัก 3 O – คุณต้องลองถามคำถามกับน้องในทีมบ้าง เพื่อเปิดภาพให้ชัดขึ้น โดยมีหลักง่ายๆคือ 3O คือ Open / Ownership / One-at-a-time

Open ใช้คำถามปลายเปิดในการถามคำถาม เช่นแทนที่จะถามว่า ตอนนี้ทำงานมีความสุขดีหรือไม่ เปลี่ยนเป็น อะไรที่ทำให้เรามีความสุขในการทำงานนี้ เป็นต้น

Ownership ใช้คำถามที่สะท้อนหาตัวเองจะทำให้คุณเห็นภาพชัดเจนขึ้น เช่นแทนที่จะมาถามตัวเองว่า “คุณคิดวาทำไมเพื่อน A เติบโตได้ไวกว่าคุณ” ควรเปลี่ยนเป็น “คุณคิดว่าทำอย่างไรคุณจะเติบโตได้ไวกว่านี้กันนะ”  เมื่อเขาได้สะท้อนหาตัวเอง คำตอบมันจะเป็นเขามากกว่า ยิ่งเป็นตัวเขามากกว่า ยิ่งสร้าง Career ได้ดีกว่า

One-at-a-time ถามทีละคำถาม ไม่ถามคำถามซ้อนคำถาม การถามทีละคำถาม จะทำให้คำตอบของน้องในทีมของคุณชัดเจนมากขึ้นกว่ามาก และค้นหาตัวตนของเขาได้ดีกว่าเดิม

3. ส่งเสริมให้เขารับฟัง inner coach ให้มากกว่า inner critics – ถ้าเราช่วยวางแผนให้ก็แล้ว กระตุ้นให้ทบทวนตัวเองก็แล้ว หรือหมั่นให้เขาถามตัวเองก็แล้ว แต่ถ้าไม่ยอมฟัง และเดินหน้าไปในสิ่งที่ตัวเขาเองสะท้อนออกมาก็คงจะไม่สามารถทำอะไรต่อได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วในการจะเดินหน้าทำอะไรบางอย่าง ทุก ๆ คนก็ต่างมี inner critics ที่ทำหน้าที่เป็นนักวิจารณ์ และ inner coach ซึ่งเป็นคนที่จะให้กำลังใจเราให้ปรับปรุงตนเองเพื่อเดินทางก้าวหน้าไปในสายอาชีพ และถ้าหาก inner critics มีอำนาจเหนือคุณมาก จะทำให้คุณติดหล่ม วนคิดซ้ำๆว่าคุณทำไม่ได้ คุณควรยอมแพ้ คุณอาจจะสอนให้น้องของคุณใช้เทคนิคหนึ่งที่จะเรียก inner coach คือทำให้ตัวเขาเป็นเพื่อนสนิทของตัวเอง เรื่องใดก็ตามที่เขาได้สะท้อนหรือตอบออกมาแล้ว ลองคิดเหมือนว่าเขาได้บอกเรื่องนี้กับเพื่อนสนิท และคิดว่าเขาจะตอบเราอย่างไรเพื่อเป็นการสะท้อนตัวเอง การสะท้อนตัวเองเหล่านี้จะช่วยให้เขาได้มีโอกาสฟัง inner coach ของเขา และส่งเสริมให้เขาได้กำลังใจที่จะปรับปรุงตนเองเพื่อไปต่อได้

สุดท้ายนี้ หากหัวหน้างานสามารถที่จะเป็น Career Coach ให้กับลูกทีมได้ นอกจากที่จะสร้างความสนิทสนมและความไว้เนื้อเชื่อใจให้เกิดขึ้นในทีมงานแล้ว หัวหน้างานเองก็ยังได้ประโยชน์ในการเริ่มจะจับสังเกตสถานการณ์ภายในทีมของตัวเองได้อีกด้วยว่าตอนนี้แต่ละคนมีเป้าหมายอย่างไรกำลังเผชิญหน้ากับงานประเภทใดอยู่ อันจะทำให้หัวหน้างานเองก็จะมีข้อมูลอยู่ในมือของตน ที่จะสามารถนำไปบริหารจัดการภายในทีมของคุณได้ถูกต้องทั้งกับสถานการณ์ และถูกต้องกับความรู้สึกของน้อง ๆ ภายในทีมของคุณเอง

อ้างอิง

https://hbr.org/2022/02/do-you-need-a-career-coach

https://www.mckinsey.com/industries/public-and-social-sector/our-insights/defining-the-skills-citizens-will-need-in-the-future-world-of-work

https://hbr.org/2022/03/effective-employee-development-starts-with-managers

https://hbr.org/2022/03/managers-cant-do-it-all

Tag:
No items found.
Share this post:
วัฒนศักดิ์ วิบูลย์ชัยกุล

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024