>
การใช้ Empathy เพื่อสร้าง Employee Experience ให้โดนใจพนักงาน
February 20, 2023

การใช้ Empathy เพื่อสร้าง Employee Experience ให้โดนใจพนักงาน

เข้าสู่ช่วงต้นปีเหล่าชาว HR จำนวนมากอาจจะต้องเริ่มคิดถึงแผนในการสร้างประสบการณ์ที่สุดประทับใจให้กับพนักงาน ไม่ว่าจะเป็น Touchpoint ต่างๆที่พนักงานจะได้รับในการใช้ชีวิตทำงานกับบริษัท รวมไปถึงกิจกรรมพนักงานต่างๆ ซึ่งในหลายๆองค์กรที่ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถทำกิจกรรม Onsite ได้ ต้องปรับเปลี่ยนไปทำที่ Online แต่เพียงอย่างเดียว หลายๆองค์กรจึงมีเสียงเรียกร้องจากทางผู้บริหารให้องค์กรทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำกีฬาสี การทำกิจกรรม Outing ซึ่งเหล่า HR ทั้งมือใหม่ และมือเก๋า ก็ต้องงัดตำรากิจกรรมที่เคยทำแล้วสำเร็จในอดีตออกมาทำ ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมที่เน้นการพูดคุย เน้นการแสดงออกบ้าง หรือกิจกรรมการสร้างทีมที่ใช้พลังงานสูงๆ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้อาจจะเคยโดนใจพนักงานเมื่อในอดีต แต่พอมา ณ ปัจจุบันนี้ บางครั้งกิจกรรมเหล่านี้ก็เริ่มที่จะไม่โดนใจประชากรในองค์กรของเราอีกต่อไปแล้ว

ซึ่งต้องบอกว่าในช่วงการระบาดของโควิดสามปีที่ผ่านมานั้นมีความเปลี่ยนแปลงมากมาย จะเห็นได้จากผลสำรวจความคิดเห็นของคนทำงานหลังโควิด-19 ผ่านพ้นไป พบว่าเกินกว่า 50% ของคนทำงานมีความคาดหวังกับนายจ้างเปลี่ยนไปและมีการย้อนคิดถึงชีวิตการทำงานของตนเองมากยิ่งขึ้นประกอบกับการเข้ามาสู่ตลาดแรงงานของ Generation Z ที่เริ่มเข้ามาในตลาดจริงจังตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา ซึ่งหากมองย้อนกลับไปนั้นเราจะพบว่ากลุ่ม Gen Z ในองค์กรนั้นได้เข้ามามีบทบาทในตลาดแรงงานถึง 5 ปีแล้ว ซึ่งเวลา 5 ปีนี้เพียงพอที่จะทำให้ Generation Z บางคนเติบโตเป็นผู้นำระดับต้นในองค์กรได้เลยเสียด้วยซ้ำ

ด้วยเหตุปัจจัยต่างๆนี้เองการจัดการกับความต้องการที่แตกต่างกันของพนักงานที่มีความแตกต่างกัน จึงเป็นโจทย์สำคัญที่เหล่า HR ทั้งรุ่นใหม่ และรุ่นเก๋า ต้องหาทางสร้างประสบการณ์พนักงานให้ตอบโจทย์กับความเปลี่ยนแปลงของพนักงานในองค์กรซึ่งเครื่องมือหนึ่งที่น่าสนใจ และสามารถเป็นจุดเริ่มต้นในเรื่องนี้ได้ก็คือ Empathy

เราอาจจะรู้จัก Empathy ในชื่อของความเข้าอกเข้าใจผู้อื่นหรือบางคนก็รู้จักในนามของขั้นตอนเริ่มต้นในการทำ Design Thinking ซึ่งเป็นการคิดเพื่อแก้ปัญหาหรือสรรสร้างสิ่งใหม่ๆขึ้นมา ซึ่งหัวใจสำคัญไม่ใช่การทำใหม่แต่หัวใจสำคัญคือเรื่องของการเข้าใจลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของเราโดยถ้าใช้ในกระบวนการทางงาน HR ก็คือกลุ่มของพนักงาน และ ว่าที่พนักงานโดยผู้เขียนขออนุญาตแบ่งเป็นขั้นตอน เพื่อเป็น Guideline ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการสร้าง Inclusive Experience ดังนี้ครับ

1.ระบุกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ก่อนที่เราจะเริ่มเราจำเป็นจะต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายของเราก่อนซึ่งการสร้างประสบการณ์ให้กับพนักงาน กลุ่มเป้าหมายก็คือ พนักงานของคุณนั่นเองแต่การบอกกลุ่มเป้าหมายแบบนี้จะกว้างเกินไป และไม่ได้ประโยชน์จึงขอแนะนำให้ทำภาพของกลุ่มเป้าหมายคุณให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่นคุณสามารถใช้ฐานข้อมูลของพนักงานมาวิเคราะห์ได้โดยข้อมูลที่แนะนำให้มาวิเคราะห์จัดกลุ่มเพื่อสร้างประสบการณ์สุดประทับใจให้กับพนักงาน มีดังนี้

              - Demographic Data ข้อมูลพื้นฐานเช่น อายุ การศึกษา สถานะสมรสลักษณะงาน และอื่นๆ

              - ข้อมูลการมาทำงาน เช่น Timeclock ถ้ามี /ความถี่การรับส่งอีเมล์ในบริษัท

              -ช่องทางการติดต่อสื่อสารที่แต่ละคนนิยมเช่น Face to Face / Online

              - ข้อมูลวิชาการอบรมที่หน่วยงานหรือเจ้าตัวเป็นคนขอออกไปอบรม

              - ข้อมูลทางสุขภาพไม่ว่าจะเป็นผลตรวจสุขภาพ หรือกลุ่มโรคที่พนักงานเป็นบ่อยๆ

              - ข้อมูลการประเมินจาก PMS ไม่ว่าจะเป็นจุดดี จุดด้อย สิ่งที่ต้องปรับปรุง (Gapof Development)

ทั้งนี้การระบุกลุ่มเป้าหมายไม่จำเป็นต้องมีกลุ่มเป้าหมายเดียว ถ้าหากธุรกิจของคุณมีสายงานที่แตกต่างก็สามารถแยกกลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นหลายๆกลุ่มก็ได้เช่นกัน  เช่น กลุ่มผู้บริหาร กลุ่มขายและการตลาด กลุ่มวิศวกรกลุ่ม Support เป็นต้น ทั้งนี้ไม่ควรมีเกิน3 กลุ่มเพราะจะทำให้กระจัดกระจายมากเกินไปจนไม่สามารถตอบโจทย์ได้

2.สร้าง ProblemStatement ให้ครอบคลุม หรือ เรียกได้ว่าเป็นปัญหาจี้ใจของกลุ่มพนักงานของคุณส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ค่อนข้างยาก เพราะถ้าเรากำหนดปัญหานี้ผิด ปัญหาที่กำหนดนี้จะกลายเป็นการนั่งเทียนคิดฟุ้งซ่าน และสุดท้ายก็ไม่ได้นำไปสู่การแก้ปัญหาโดยเราขอแนะนำสองวิธีที่จะค้นหาปัญหาจี้ใจ ดังนี้

              - Data from the outside in – ลองมองหาตามข่าวต่างๆอาจจะเป็นผลวิจัยหรือบทความ นักวิเคราะห์ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องของความต้องการของแต่ละ Generation หรือเทรนด์ของ Future of workที่สำคัญงานในส่วนนี้ไม่ควรจะดูเฉพาะแต่จากงานด้าน HR เท่านั้น แต่ควรดูงานจากทางธุรกิจและการตลาดมาประกอบด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่เป็น Market insight ในทางการตลาดจะมีการทำรายละเอียดไว้ค่อนข้างลึกและเราสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงาน HR เราได้โดยตรงซึ่งจะทำให้เราเห็นภาพกว้างที่เราสามารถมองหาจุดร่วมกับกลุ่มเป้าหมายในข้อ 1 ที่เราวิเคราะห์เอาไว้แล้ว

              - Data from the inside out – คือการเก็บข้อมูลจากภายในของเราเพราะนอกจากข้อมูลภายนอกจากที่บอกไปข้างต้นแล้ว ข้อมูลจากพนักงานเองของเราก็สำคัญ (อาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ) เพราะเป็นกลุ่มเป้าหมายโดยตรงที่เราต้องการจะสนับสนุนพวกเขาโดยวิธีการในการเก็บข้อมูลภายใน เราสามารถทำได้สามวิธี ดังนี้

1) Immerse – การลองเป็นผู้ใช้งานจริงโดยหัวข้อนี้เราอาจจะทำได้โดยการแบ่งทีมงาน HR ของเราสักคนหรือสองคนไปเป็นลูกค้าจริงในการรับบริการยกตัวอย่างเช่นกระบวนการในการขอหนังสือรับรองเงินเดือนหรือการเข้าร่วมกิจกรรมพนักงานที่ HR เป็นผู้จัดขึ้นแล้วมาดูว่า เรามีความรู้สึกแบบใดเกิดขึ้น เจอปัญหาอะไรบ้าง

2) Observe - การสังเกตผู้มาใช้งานจริงข้อนี้เป็นข้อสำคัญ เราสามารถสังเกตผู้มาใช้งานของทาง HR ได้ง่ายมาก แต่เพื่อไม่ให้เกิดอคติกัน ควรมีการตั้งหัวข้อที่ชัดเจนก่อนว่าจะสังเกตในเรื่องใดด้านใดบ้าง จะทำให้ไม่หลุดโฟกัสที่ต้องการจะสังเกต อันจะนำไปสู่การสังเกตได้ไม่ครบถ้วน

3) Interview and survey – การสัมภาษณ์ข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญได้ข้อมูลได้ดี แต่อาจจะยากในงาน HR เพราะ HR ต้องมี Trustระดับหนึ่งกับพนักงานจึงจะสามารถได้ข้อมูลที่แท้จริงดังนั้น อาจจะแนะนำให้ใช้ควบคู่กับ Survey ที่เป็นคำถามปลายเปิดที่ไม่ระบุชื่อ หรือหน่วยงาน จะทำให้เราสามารถได้ข้อมูลมากขึ้นได้

โดยเมื่อทำทั้งสองด้านแล้วก็ให้ลองเขียน Problem Statement ของแต่ละกลุ่มงานและกลุ่มเป้าหมาย โดย เทคนิคเล็กๆ ในการเขียน Problem Statement คือ ควรมี ใคร-กลุ่มเป้าหมายของเรา อะไร-อะไรคือ Pain point ที่ไหน –ว่าอะไรคือบริบทของปัญหาอยู่ในกลุ่มไหน และทำไม –มันทำไมต้องทำและสำคัญอย่างไรยกตัวอย่าง เช่น นำ Demographic ของพนักงานมาเป็นข้อมูลตั้งต้นหาข้อมูลจากภายนอก Trend ความต้องการต่างๆมาผนวกกับข้อมูลที่ได้จากการ Observe รวมไปถึงอาจนำผลEmployee Engagement Survey มาใช้ในการออกแบบ Problem statement เช่นอาจจะได้ออกมาว่า“พนักงานไฟแรงมีทีมเวิร์คที่ต้องการผลงานที่ดีเยี่ยมท่ามกลางความสมดุลย์ของชีวิต” ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อทำในขั้นต่อถัดไป

3.ลองนำ Problem statement มาออกแบบการสร้างประสบการณ์ โดยประกอบการพิจารณาร่วมกับความต้องการของธุรกิจ Employee Journey เป็นองค์รวมโดยปรับกระบวนการภายใน HR ให้สอดคล้องกัน เช่น การที่เราได้กำหนด Problem Statement ว่าพนักงานไฟแรงที่ต้องการผลงานที่ดีเยี่ยม ท่ามกลางความสมดุลย์ของชีวิตเราอาจจะออกแบบกิจกรรมพนักงานที่ตอบโจทย์มากขึ้น เช่นเรื่อง Fitness หรือถ้าไม่มีเงินอาจจะมีกิจกรรมวิ่งvirtualเป็นกลุ่มภายในบริษัทก็ได้ หรืออาจจะมีกิจกรรมที่ทำในระหว่างการทำงานให้ได้เพิ่มศักยภาพสมองเป็นเบรคเล็กๆในวันทำงานก็สามารถตอบสนองกลุ่มพนักงานของเราได้ ซึ่งการออกแบบทั้งหลายนี้ไม่ได้มีเพียงแค่คำตอบเดียว การนำมาใช้ควรมีการเก็บ Feedback และปรับปรุงอยู่สม่ำเสมอเพื่อปรับจูนเข้ากับสไตล์ขององค์กรและพนักงานได้อย่างแท้จริง

             

กระบวนการนี้เป็นกระบวนการที่ต้องมีการทำต่อเนื่องเพราะมนุษย์เราก็มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ในบทความนี้จึงเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้นที่เราชาว HR สามารถนำไปประยุกต์เพื่อใช้สร้างประสบการณ์ดีๆให้กับพนักงานเพื่อสร้างการทำงานที่เป็นสุข องค์กรแข็งแรง และ HR อย่างเราก็ได้ทำงานตอบสนองความต้องการที่แท้จริงให้กับพนักงานและเป้าหมายขององค์กร

  

Reference

https://hbr.org/2021/04/how-inclusive-is-your-leadership

https://www.linkedin.com/pulse/how-integrate-dei-employee-experience-latesha-byrd-/?trk=pulse-article_more-articles_related-content-card

https://hbr.org/2016/11/if-you-cant-empathize-with-your-employees-youd-better-learn-to 

Tag:
No items found.
Share this post:
วัฒนศักดิ์ วิบูลย์ชัยกุล

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024