>
ทำอย่างไรดี เมื่อคนเก่งขององค์กรคุณไม่ “ง่าย” อีกต่อไป
January 8, 2022

ทำอย่างไรดี เมื่อคนเก่งขององค์กรคุณไม่ “ง่าย” อีกต่อไป

ขึ้นหัวข้อมาแบบนี้ไม่ใช่ว่าคนเก่งของคุณจะเป็นคนง่าย ๆ หรือเป็นคนนิสัยไม่ดีมากขึ้นหรืออะไร แต่เป็นสถานการณ์ต่างๆที่จะทำให้การดูแลคนเก่งของคุณ และการการหาคนเก่ง ๆ เข้าสู่องค์กรของคุณ ห่างไกลจากความ “ง่าย” ในการบริหารจัดการ ด้วยสถานการณ์ด้านแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันเราจะพบว่าการจ้างงานในประเทศที่เริ่มจะมีการเปลี่ยนแปลง เมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว คุณก็อาจจะได้ข่าวคราวมาจากทางซีกโลกตะวันตกว่า มี The Great Resignation เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา และยุโรปที่ทำให้คนลาออกเป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถอ้างอิงได้จากบทความเรื่อง Who Is Driving the Great Resignation ? ที่เขียนโดย Ian Cook ที่ได้อ้างอิงข้อมูลของสำนักงานสถิติแรงงาน ของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ชี้ให้เห็นว่าในเดือนกรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมามีชาวอเมริกันกว่า 4 ล้านคนที่ลาออกจากงาน และพบด้วยว่าการลาออกสูงสุดเกิดขึ้นใน เมษายน 2564 และสูงอย่างผิดปกติในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2564 มีตำแหน่งงานว่างทำลายสถิติถึง 10.9 ล้านตำแหน่ง ซึ่งหากติดตามเรื่องของการลาออกนี้อย่างต่อเนื่องจะพบว่ามันไม่ได้จบแค่นั้น หากแต่การลาออกสูงสุดที่แท้จริงเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่พบว่าชาวอเมริกันลาออกจากงานถึง 4.5 ล้านคนกันเลยทีเดียว

พอสังเกตเห็นข้อมูลจากทางฝั่งอเมริกาแล้ว หลาย ๆ ท่านก็อาจจะเริ่มคิดถึงภายในประเทศไทยของเรา ซึ่งในความรู้สึกของ  HR และผู้บริหารหลาย ๆ ท่าน หรือแม้กระทั่งตัวผู้เขียนเองก็มีความรู้สึกเหมือนกับว่ามีการคนรอบข้างที่ลาออกมากกว่าปกติ ฉะนั้นผู้เขียนได้ไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งสำหรับสถิติในไทยไม่ได้มีการเก็บข้อมูลการลาออกจากงานชัดเจนเหมือนทางสหรัฐอเมริกา แต่ได้ลองเอาข้อมูลการขอเงินชดเชยสำหรับกรณีลาออก จากทางสำนักงานประกันสังคม ซึ่งพอจะเทียบเคียงกับสถิติการลาออกของคนในประเทศไทยไดมาลองเปรียบเทียบกัน โดยจากฐานข้อมูลพบว่าบางเดือนอาจจะไม่มีข้อมูล ดังนั้นผู้เขียนจะขอเปรียบเทียบตัวเลขการลาออกเฉลี่ยในสามปีคือ 2562/2563/2564 ผลออกมาเป็นดังนี้

ปี 2562 มีคนลาออกเฉลี่ย 135,857 คนต่อเดือน

ปี 2563 มีคนลาออกเฉลี่ย 189,111 คนต่อเดือน (ข้อมูล 11 เดือน)

ปี 2564 มีคนลาออกเฉลี่ย 197,083 คนต่อเดือน (ข้อมูล 11 เดือน)

ซึ่งเราจะพบได้ว่า ปี 2564 มีคนลาออกต่อเดือนมากกว่าปี 2563 อยู่ที่ 4.22% และหากเทียบกับปี 2562 ที่เป็นช่วงก่อนโควิด จะมากถึง 45.07% เลยทีเดียว ดังนั้นจากข้อมูลที่เห็นอาจจะพออนุมานได้ว่า ไทยเราก็มีการลาออกหลังจากที่เกิดความเปลี่ยนแปลงช่วงโควิดเช่นเดียวกับฝั่งอเมริกาเช่นเดียวกัน

และถึงแม้สถานการณ์เรื่องการฉีดวัคซีนจะค่อย ๆ ดีขึ้น รวมไปถึงความรุนแรงของโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่มีแนวโน้มลดความรุนแรงลงก็ตาม แต่นักเศรษฐศาสตร์หลายท่านได้คาดการณ์ว่าในปี 2565 สถานการณ์การไหลออกของคนเก่งจะยังคงเกิดขึ้นต่อไป เช่นความเห็นของ Rucha Vankudre นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส แห่งบริษัท Emsi Burning Glass ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ตลาดแรงงาน ได้ให้ความเห็นไว้ว่า “การที่คนลาออกในเดือนพฤศจิกายนเพื่อเตรียมหางานใหม่ในช่วงเดือนมกราคมไม่ใช่เรื่องแปลก แต่จำนวนที่เป็นสถิติขนาดนี้สะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ที่เราไม่ได้เคยพบมาก่อน และยังไม่มีตัวชีวัดใดที่จะสะท้อนแนวโน้มที่จะเปลี่ยนไปในปี 2022 แต่ก็เป็นโอกาสของนายจ้างเช่นกันที่จะต้องพยายามทำหลายๆสิ่งเพื่อดึงดูดพนักงานเก่งๆเข้ามาในบริษัท”

อย่างไรก็ดีแม้จะมีคนเก่งๆเข้ามาในตลาดมากมาย แต่สถานการณ์การหาคนในตลาดกลับยากลำบากขึ้นมาก จากรายงาน Job Openings and Labor Turnover report หรือ JOLTS ของกระทรวงแรงงานสหรัฐ ยังชี้ให้เห็นว่า เมื่อกุมภาพันธ์ ปี 2020 มีคนหางาน 82 คน สำหรับตำแหน่งที่เปิดรับ 100 ตำแหน่งงาน แต่ในปัจจุบัน มีคนหางานเพียง 65 คนเท่านั้น สำหรับตำแหน่งงานที่เปิดรับ 100 ตำแหน่งงาน ดังนั้นการขับเคี่ยวในการดึงดูดคนเก่ง ๆ จะยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก

ดังนั้นสำหรับองค์กรคงต้องมีกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อไล่ล่าหาคนเก่งในตลาดเข้าสู่องค์กร และเชิงรับ เพื่อรักษาคนเก่งในองค์กรไม่ให้ไหลออกไปจากองค์กร เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่กลายเป็นสงครามการแย่งชิงคนเก่งในครั้งนี้ ซึ่งในบทความนี้จะขอให้ไอเดียเผื่อเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการสร้างกลยุทธ์ทั้งรุกและรับเพื่อให้องค์กรของท่านเข้าสู่สงครามครั้งนี้ด้วยความพรั่งพร้อม

กลยุทธ์เชิงรุก – จากการวิเคราะห์ของ Bain องค์กรที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ระดับโลกที่วิเคราะห์คะแนนที่ได้รับการประเมินใน website Glassdoor ที่ให้บริการประกาศรับสมัครงาน และให้พนักงานปัจจุบัน หรืออดีตพนักงานขององค์กร ได้สามารถ review องค์กรได้ พบว่า 3 สิ่งที่เป็นแรงจูงใจของ Top talent (ในบทวิเคราะห์นี้เน้นคนเก่งในวงการเทคโนโลยี) ให้มาทำงานด้วยมีด้วยกันสามข้อดังนี้

1. การเปิดกว้างต่อความหลากหลาย – DE&I (diversity, equity, and inclusion) เป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสนใจกันมากขึ้นในตอนนี้ ซึ่งคนเก่งในยุคใหม่ก็มองหาองค์กรที่เปิดกว้างเรื่องความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วมเช่นกัน ซึ่งการเปิดกว้างในเรื่อง DE&I นี้ จะส่งผลให้ตัวของคนเก่งรู้สึกว่าตนเอง และผู้อื่นในบริษัทจะได้รับการดูแลและมีโอกาสในการพัฒนาองค์กรโดยเท่าเทียมกัน มีผลสำรวจจาก beqom ที่เป็นบริษัทในการให้คำปรึกษาเรื่องผลตอบแทนระดับโลก ได้ทำการศึกษาคนทำงาน1,000 คนพบว่า 48% พร้อมที่จะย้ายงานไปสู่องค์กรที่มีแผนชัดเจนในการดูแลเรื่อง DE&I ฉะนั้นบริษัทอาจจะต้องเริ่มมาดูว่าจะทำอย่างไรที่จะส่งเสริม Employer Branding ให้มีการสนับสนุนสิ่งเหล่านี้

2. ความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือจากผู้บริหารระดับสูง – ในองค์กรสมัยใหม่ที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การที่สามารถเชื่อมั่นผู้บริหารระดับสูงได้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนเก่ง ๆในองค์กร เพราะเขาเหล่านั้นต้องการที่จะรู้สึกว่าสามารถสร้าง impact หรือผลงานที่ดีออกมาได้ ดังนั้นเขาจึงมองหาผู้บริหารระดับสูงที่สามารถสนับสนุนเขาได้เช่นกัน

3. วัฒนธรรมในการโค้ชและการพัฒนาพนักงาน – สิ่งหนึ่งที่คนเก่งยุคใหม่ทั้ง Gen Z และ Gen Y มองเห็นความสำคัญ คือการที่ตนเองได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ได้รับความรู้สึกที่รู้สึกว่าตนเองนั้นได้ “เติบโต” มากขึ้นจากเดิมในทุก ๆ วัน ดังนั้นการสร้างวัฒนธรรมในการโค้ชและการพัฒนาพนักงานจึงเป็นสิ่งที่พวกเขาตามหาเช่นกัน บริษัทอย่าง Hubspot ที่ผลิตซอฟต์แวร์การทำ Inbound Marketing & Sales ชั้นนำระดับโลก ก็ได้เปลี่ยนจากการทำการประเมินผลงานประจำปี ไปสู่การทำ Social Performance Management หรือจะเรียกได้ว่า เปิดโอกาสให้พนักงานได้รับ Feedback จากทุกๆคนได้ในทุกที่ ทุกเวลา เพื่อส่งเสริมการพัฒนาความสามารถของพนักงานอย่างต่อเนื่อง

ทั้งสามสิ่งนี้ องค์กรสามารถนำไปสร้างเป็นกลยุทธ์เพื่อที่จะนำมาใช้เป็นแผน ออกกิจกรรม สร้างความเข้มแข็งให้กับแบรนด์ขององค์กรให้มากขึ้น สื่อสารกับผู้สมัครเก่งๆให้โดนใจ อันจะนำไปสู่การดึงดูดคนเก่งๆให้เข้ามาร่วมงานกับองค์กรได้มากขึ้นแม้จะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น

กลยุทธ์เชิงรับ – คนเก่ง ๆ ในองค์กรไม่ได้ถูกดึงดูดด้วยเงิน หรือสวัสดิการเพียงอย่างเดียว สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันในการพิชิตใจคนเก่งในองค์กรของคุณคือการที่ทำให้เป้าหมายในชีวิตของคนเก่งของคุณ กับเป้าหมายขององค์กร สอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้แล้วการที่ตอบสนองเป้าหมายของพนักงานไปพร้อมๆกับองค์กรนั้น จะช่วยให้ผลงานขององค์กรดีขึ้นตามไปด้วย เช่นผลการวิจัยจาก McKinsey & Company ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า พนักงานที่ได้รับการเติมเต็มเรื่องของเป้าหมายในชีวิตไปด้วย พร้อม ๆ กับการทำงานในหน้าที่ของตนเองมีผลงานที่ดีกว่ากลุ่มที่ทำงานแล้วไม่สามารถตอบสนองเป้าหมายของชีวิตตนเองได้

ฉะนั้นจึงมี 3 ขั้นตอนเพื่อที่จะสามารถพัฒนาเป้าหมายขององค์กร กับเป้าหมายของพนักงานที่เป็นคนเก่งให้เข้ากันได้ และเป็นกลยุทธ์เชิงรับในการรั้งตัวคนเก่ง ๆ ของคุณเอาไว้

1. ตรวจสอบเป้าหมายขององค์กรคุณ (Organization’s Purpose) ในปัจจุบันถ้าเราสังเกตดีๆ จะเห็นว่าองค์กรใหญ่ ๆ ระดับโลกในปัจจุบัน เมื่อตั้งเป้าหมายขององค์กรจะไม่ใช่เป้าหมายประเภท อันดับ 1 ในเอเชีย, บริษัทชั้นนำระดับโลก, ผู้นำในวงการนั้น ๆ สักเท่าไหร่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น Google ได้ตั้งเป้าหมายของตนเองไว้ว่า “to organize the world's information and make it universally accessible and useful.” หรือจะเป็น Tesla ที่บอกว่า “to accelerate the world's transition to sustainable energy." ซึ่งถ้าเราย้อนไปดูสิ่งที่คนเก่งยุคนี้ต้องการคือการได้สร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับโลกใบนี้ ฉะนั้น การที่เรามีเป้าหมายองค์กรที่สนับสนุนการเติบโตในภาพใหญ่ หรือสนับสนุน DE&I ก็จะทำให้มีโอกาสที่จะสอดคล้องกับคนเก่งรุ่นใหม่มากขึ้น

2. เปิดโอกาสให้สะท้อนเป้าหมายทั้งองค์กร และพนักงาน - การที่เรามีเป้าหมายองค์กรที่ดีแล้ว เรายังต้องสร้างความเชื่อมโยงให้เข้ากับพนักงานด้วย ฉะนั้นการมีเวทีให้ทั้ง สะท้อน (Reflect) การเชื่อมโยง (Connect) และการสื่อสารซ้ำ ๆ (Repeat) จะช่วยให้องค์กรกับพนักงานต่อกันติดมากขึ้น โดยวิธีการในการสร้างโอกาสเหล่านี้ อาจจะมีการทำ Workshop หรือมีเรื่องเล่าต่าง ๆ ที่สื่อสารกับพนักงาน ก็จะทำให้เกิดความเชื่อมโยงกันมากขึ้นระหว่างบริษัท และพนักงาน

3. ช่วยสนับสนุนให้พนักงานบรรลุเป้าหมายของตนเองไปพร้อมกับการทำงาน – 60% ของพนักงานที่ตอบแบบสำรวจจาก McKinsey ในเรื่องของเป้าหมายในชีวิตและการทำงาน ต่างต้องการให้นายจ้างของตนเองสนับสนุนให้ตนเองได้บรรลุเป้าหมายในการทำงานของตนเองไปด้วยพร้อมกับการทำงาน ฉะนั้นจึงเป็นโจทย์ขององค์กรที่จะต้องคิดว่าจะสามารถสนับสนุนพนักงานไปพร้อมๆกับให้พนักงานสามารถปฎิบัติงานได้อย่างดีได้อย่างไร หลายๆองค์กรใช้วิธีการสร้าง Community ให้เกิดขึ้นในหมู่พนักงาน หรือหลายๆองค์กรเสนอสวัสดิการอย่างวันลาเพื่อให้พนักงานสามารถไปตามหาเป้าหมายชีวิตของตนเองได้ก็มีเช่นกัน

สุดท้ายนี้ ท่ามกลางสงครามการแย่งชิงตัวคนเก่งที่จะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในอนาคต และความเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจคาดเดาได้ในอนาคต องค์กรก็จำเป็นต้องปรับตัวแม้ว่าจะไม่เคยทำ หรือไม่เคยชินในสิ่งนั้นๆก็ตาม และ HR อย่างเรา ๆ ก็ต้องเป็นทั้งผู้ส่งสัญญาณให้กับองค์กรให้ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ รวมไปถึงการพัฒนากลยุทธ์ และหาวิธีการต่างๆเพื่อที่จะช่วยให้รักษา และดึงดูดคนเก่งเอาไว้ และนำไปสู่ผลลัพธ์สุดท้ายคือการให้องค์กรสามารถเติบโตไปข้างหน้าได้ต่อไป

อ้างอิง

https://www.cnbc.com/2022/01/14/the-great-resignation-expert-shares-the-biggest-work-trends-of-2022.html

https://www.cnbc.com/2022/01/04/rapid-quitting-and-hiring-will-continue-in-2022-despite-omicron-wave-economists-say.html

Help your employees find purpose—or watch them leave by Naina Dhingra, Andrew Samo, Bill Schaninger, and Matt Schrimper , McKinsey & Company

https://hbr.org/2021/11/how-to-attract-top-tech-talent

https://hbr.org/2021/09/who-is-driving-the-great-resignation

https://www.doe.go.th/prd/assets/upload/files/lmia_th/b5459e21c44d0c1a283cc81982270043.pdf

https://www.doe.go.th/prd/assets/upload/files/lmia_th/04c38da4e6a07b77d2f1fcfb0022a226.pdf

https://www.doe.go.th/prd/assets/upload/files/lmia_th/922d63db186ebc737b4816fdd5552264.pdf

https://www.doe.go.th/prd/assets/upload/files/lmia_th/0243aaf879e5609d2c7c0fb2a3d86b3d.pdf

Tag:
No items found.
Share this post:
วัฒนศักดิ์ วิบูลย์ชัยกุล

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024