>
วัฒนธรรมองค์กร...........นั้นสำคัญไฉน
October 8, 2020

วัฒนธรรมองค์กร...........นั้นสำคัญไฉน

ปี ค.ศ. 2018 World Economic Forum (WEF) พัฒนา ปรับปรุงหลักเกณฑ์การประเมินขีดความสามารถในการแข่งขัน (Global Competitiveness Index – GCI) ในระดับประเทศใหม่ ปัจจัยการประเมินขีดความสามารถในการแข่งขันชุดใหม่จะมุ่งเน้น 3 ประเด็นหลัก ๆ คือ 1.) การให้ความสำคัญกับอนาคตให้มากขึ้น 2.) ความสามารถของประเทศในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่ เกิดขึ้น 3.) ความยืดหยุ่น ความคล่องตัว (Agile) ในการปรับตัวตามสถานการณ์ ซึ่งทั้งสามประเด็นจะเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เพื่อส่งเสริมให้สังคมในประเทศต่าง ๆ มีความยืดหยุ่นในการปรับตัว การยอมรับฟัง เปิดใจเปิดรับ ความคิดเห็นใหม่ ๆ มีความพร้อมที่จะร่วมมือกันทำงาน กล้าเสี่ยง ส่งผลให้คนในสังคมมีความคิดสร้างสรรค์ อันจะนำมาซึ่งการรังสรรค์นวัตกรรม

สถาบัน International Institute For Management Development (IMD) จากสวิตเซอร์แลนด์ ที่ได้รับการจัดอันดับจาก Financial Time ให้เป็นสถาบันพัฒนาผู้บริหาร อันดับที่ 1 ของโลก ออกรายงานเตือนองค์กรต่างๆว่า องค์กรกำลังเผชิญกับความท้าทาย ด้วยการ Disruption จากเทคโนโลยี ชั้นสูง ถ้าองค์กรปรับตัวไม่ทันจะเกิดปัญหากับความอยู่รอดขององค์กร IMD ได้พัฒนาโมเดล Digital Business Agility (DBA) เพื่อพัฒนาผู้นำให้มีความสามารถตอบสนองต่อสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว คือ 1.) ตื่นตัว สามารถติดตาม ตรวจจับ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา (Hyperawareness) 2.) สามารถตัดสินใจได้ดีและถูกต้อง บนพื้นฐานของการวิเคราะห์ข้อมูลลักษณะ Big Data (Informed Decision-making) 3.) สามารถนำและกำกับ แผนงานที่ได้ตัดสินใจไปแล้วให้นำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว (Fast Execution)  

การวิจัยถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคศตวรรษแห่งอินเตอร์เน็ต (The Internet Century) ที่เทคโนโลยีเป็นตัวกำหนดภูมิทัศน์ทางธุรกิจ พบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปในลักษณะ IWWIWWIWI (I want what I want when I want it) ขยายความได้ว่าพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัล จะเป็นไปในลักษณะที่จะไม่อดทนรอคอยอะไรนานๆอีกต่อไป อะไรก็แล้วแต่ที่ช่วยลูกค้าได้ทันที มาทันที และแก้ไขทันที จะเป็นโอกาสทางธุรกิจทั้งสิ้น แม้กระทั่งในชีวิตการทำงานของ คนรุ่นใหม่ที่ต้องการความท้าทาย และความสำเร็จอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่มองหาอาชีพ องค์กร ที่มั่นคงอีกต่อไป แต่พวกเขาแสวงหางานที่มีความท้าทาย งานที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ พวกเขาไม่มีความอดทนต่องานที่น่าเบื่อหน่าย หรืองานที่ไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้เรียนรู้และแสดงศักยภาพ

จากข้อมูลทั้ง 3 ชุด ข้างต้น เป็นที่มาของการปรับตัวครั้งใหญ่ขององค์กร ที่ความยืดหยุ่น ความคล่องตัว ความสามารถในการปรับตัว ที่รวดเร็ว (Agile Organization) จะเป็นเงื่อนไขสำคัญในการอยู่รอดและเป็นผู้ชนะทางธุรกิจ การแข่งขันทางธุรกิจจะเปลี่ยนไป จากเดิม “ปลาใหญ่ จะกินปลาเล็ก” มาสู่ “ปลาเร็ว จะกินปลาช้า” และปัจจุบัน “ในปลาที่เร็วด้วยกัน ปลาที่เร็วกว่า จะกินปลาที่เร็วน้อยกว่า” โมเดลต้นแบบขององค์กรที่ใช้แนวคิดนี้ไปเป็นแรงผลักดันการปรับเปลี่ยนองค์กรจนประสบความสำเร็จมีมากมาย เช่น Google, Facebook, Apple, Intel, Microsoft, Zappos, Alibaba, Huawei, Samsung หรือ องค์กรใหญ่ ๆ และ Start up ในประเทศไทย ฯลฯ คำถามที่ตามมาก็คือในการปรับเปลี่ยนองค์กรให้มีความเป็น Agile Organization อะไรคือปัจจัยที่สำคัญในการปรับเปลี่ยน จะใช้การบังคับด้วยกฎระเบียบ หรือผลักดันจาก CEO ได้หรือไม่ จากการศึกษาของผู้เขียน จากหนังสือ “Work Rules: Insights from Inside Google That Will Transform How You Live and Lead” ของ Laszlo Bock (ผู้เขียนแนะนำให้ผู้บริหารงาน HR ยุคใหม่ทุกท่าน ควรที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้) พบว่าปัจจัยสำคัญในการผลักดันก็คือ “วัฒนธรรมองค์กร (Corporate Culture)” นั่นเอง Google เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมองค์กรเป็นอย่างมาก ถึงกับสร้างสโลแกนอันหนึ่งขึ้นมาว่า “Culture Eats Strategy for Breakfast” หรือ Howard Schultz ประธานกรรมการบริหารของ Starbucks กล่าวว่า “ความสามารถในการแข่งขันอย่างเดียวที่ Starbucks มีก็คือวัฒนธรรมองค์กร” เพราะใคร ๆ ก็เปิดร้านขายกาแฟได้

โดยธรรมชาติองค์กรทุกองค์กรจะมีวัฒนธรรมองค์กรอยู่แล้ว ถ้าผู้บริหารเห็นว่าวัฒนธรรมองค์กรในปัจจุบันไม่สอดรับกับการแข่งขันทางธุรกิจโฉมใหม่ที่ต้องมีทั้งความยืดหยุ่น คล่องตัว มีความรวดเร็วในการแก้ปัญหาและตัดสินใจ ไม่ส่งเสริมให้คนทำงานมีความคิดสร้างสรรค์ ต้องการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร ควรมาทบทวนถึงหลักการของวัฒนธรรมองค์กร ดังนี้

1. ความหมายและแหล่งที่มา:วัฒนธรรมองค์กร หมายถึง สิ่งที่คณะบุคคลหรือหน่วยงานยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมา ซึ่งแสดงถึงความเจริญของหมู่คณะนั้น ๆ (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2556) หัวใจสำคัญของแหล่งที่มาของวัฒนธรรมองค์กรอยู่ที่ “สิ่งที่คณะบุคคลยึดถือ” เพราฉะนั้น วัฒนธรรมองค์กรจึงไม่ควรจะเป็นสิ่งที่ผู้บริหารต้องการให้เป็น หรือ ไปจ้างบริษัทที่ปรึกษามาออกแบบวัฒนธรรมองค์กรให้ แต่วัฒนธรรมองค์กรที่จะต้องมาจากคนในองค์กรมีจิตสำนึกร่วมกัน ว่าอะไรเป็นสิ่งที่เราเชื่อ ยอมรับ เราอยากเป็นอะไร เราใส่ใจในเรื่องอะไร เราอยากให้องค์กรของเราดำเนินงานและตัดสินใจอย่างไร ต้องการกระบวนการปฏิบัติงานที่ยึดหลักธรรมาภิบาลและปฏิบัติตามกฎหมายหรือไม่ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นพฤติกรรมร่วมของคนที่อยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ ถ้าวัฒนธรรมองค์กรมาจากสิ่งที่คนส่วนใหญ่เชื่อและยอมรับ คนก็พร้อมจะประพฤติปฏิบัติตาม วัฒนธรรมนั้นก็จะมีความเข้มแข็ง และอยู่อย่างยั่งยืน

2. กระบวนการออกแบบวัฒนธรรมองค์กร: ในการออกแบบวัฒนธรรมองค์กรจะมีกระบวนการคร่าวๆดังนี้

2.1 กำหนด (Define): วัฒนธรรมองค์กรต้องกำหนดให้ชัดเจน ถึงวัตถุประสงค์ ที่มาที่ไป องค์ประกอบและคุณลักษณะที่ประสงค์ของพฤติกรรมเป็นเช่นไร เช่น วัฒนธรรมแห่งการเคารพกฎกติกาหรือกฎหมาย วัฒนธรรมธรรมาภิบาล เป็นต้น ที่สำคัญจะต้องเป็นความเห็นร่วมกันของคนส่วนใหญ่ (Consensus)ในองค์กรนั้น ๆ

2.2 สื่อสาร (Deploy): เป็นกิจกรรมการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ การชี้แจ้ง การพัฒนาฝึกอบรม ที่มาที่ไปของวัฒนธรรมองค์กรให้ทุกคนทราบ ประโยชน์ที่ทุกคนจะได้รับจากวัฒนธรรมองค์กร เพื่อสร้างความเข้าใจที่เหมือนกัน และกำหนดพฤติกรรมที่พึ่งประสงค์ที่องค์กรต้องการเห็นและต้องการให้เกิดขึ้น เพื่อเป็นพลังในการขับเคลื่อนกระบวนการปฏิบัติงานขององค์กร Jack Welch เขียนไว้ในหนังสือ Winning ว่า “วิสัยทัศน์ วัฒนธรรมองค์กร ที่ปราศจากการสื่อสารอย่างสม่ำเสมอ และเสริมความเอาจริงเอาจังด้วยการให้รางวัลสำหรับผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ (และควรขจัดพฤติกรรมที่ไม่พึ่งประสงค์ – ความเห็นผู้เขียน) ไม่ควรมีคุณค่า เท่ากระดาษแผ่นที่พิมพ์ข้อความนั้นๆด้วยซ้ำไป”

2.3 ประพฤติ (Drive): จัดกิจกรรมรูปแบบต่าง ๆ เช่นจัดไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับองค์กรที่มีวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง นำเรื่องราวต่าง ๆ ขององค์กรที่มีวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เข้มแข็ง มาสื่อสารว่าองค์กรเหล่านั้นประสบความล้มเหลวอย่างไร ปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเพื่อให้สอดรับกับวัฒนธรรมองค์กร ฯลฯ เพื่อรณรงค์ กระตุ้น ส่งเสริม ให้คนปฏิบัติตามพฤติกรรมที่ประสงค์ และในชีวิตการทำงานจริง ๆ ใครที่ประพฤติปฏิบัติได้ดีก็ควรมีการให้รางวัลเพื่อเป็นแบบอย่าง ในทางตรงกันข้ามใครที่ไม่ประพฤติปฏิบัติก็ควรถูกจัดการ

2.4 ยั่งยืน (Deepen): มนุษย์เป็นสัตว์สังคม (Human is by nature a social animal) ที่ต้องการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ เมื่ออยู่กันเป็นหมู่คณะก็จะต้องมีผู้นำ และคนจะประพฤติปฏิบัติตามผู้นำที่เขาศรัทธา วัฒนธรรมองค์กรจึงสะท้อนสิ่งที่ผู้นำประพฤติปฏิบัติเป็นสำคัญ พนักงานจะมองผู้นำเป็นโมเดลตัวอย่าง (Leading by Example) ในการประพฤติปฏิบัติตามกรอบของวัฒนธรรมองค์กรที่เชื่อร่วมกัน ถ้าผู้นำละเลยไม่ประพฤติปฏิบัติตามกรอบวัฒนธรรมก็อย่าหวังว่าวัฒนธรรมองค์กรจะอยู่อย่างเข้มแข็ง เพราะฉะนั้นผู้เขียนขอย้ำนะครับว่า วัฒนธรรมองค์กรต้องมาจากสิ่งที่คนในองค์กรเชื่อถือ ศรัทธา ร่วมกัน แต่ในการประพฤติปฏิบัติให้วัฒนธรรมองค์กรอยู่กับองค์กรอย่างเข้มแข็ง ยั่งยืน ต้องมาจากพฤติกรรมของผู้นำเป็นสำคัญ

3. ประโยชน์ของวัฒนธรรมองค์กร: วัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็งจะเสริมส่งการขับเคลื่อนกลยุทธ์ขององค์กรให้ประสบผลสำเร็จขององค์กรอย่างยั่งยืน ดังนี้

3.1 สร้างความได้เปรียบ ความแตกต่างในการแข่งขัน: องค์กรใดมีวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง เช่น การมีจริยธรรมที่ดี การมีธรรมาภิบาล การให้บริการที่ดี ฯลฯ จะสร้างความผูกใจกับลูกค้า (Customer Engagement)  และสร้างการยอมรับความไว้เนื้อเชื่อใจ (Trust) ความน่าเชื่อถือ (Credibility) ในสายตาของบุคคลภายนอก วัฒนธรรมที่เข้มแข็งเป็นสินทรัพย์จับต้องไม่ได้ (Intangible asset) เป็นสิ่งที่ลอกเรียนแบบกันไม่ได้ สามารถสร้างความแตกต่าง สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับองค์กรในระยะยาว เพราะพนักงานได้ถูกหล่อหลอมให้มีพฤติกรรม มีความภูมิใจ มีศักดิ์ศรีไปในทิศทางเดียวกัน มีพลังของการร่วมมือกันทำงาน พร้อมที่จะฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อมุ่งสู่การประสบความสำเร็จในระยะยาวขององค์กร วัฒนธรรมองค์กรกับความสำเร็จขององค์กรจึงเป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์และต้องไปด้วยกัน

3.2 สามารถดึงดูดคนเก่ง ๆ ให้เข้ามาทำงานยังองค์กร: จากที่กล่าวไปแล้วมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต้องการการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ จะเกิดปรากฏการณ์แห่ตาม (The herd effect) แต่ละองค์กรต้องการกลุ่มคนทำงานที่ประกอบไปด้วยคนเก่งจำนวนมาก ๆ ในหมู่คนเก่งๆด้วยกันก็อยากมาทำงานที่เดียวกัน (มีพฤติกรรมทำตามเพื่อนฝูง) เมื่อองค์กรได้คนเก่งจำนวนหนึ่งมาทำงานก็มีโอกาสที่พวกเขาจะเป็นที่อ้างอิงให้คนประเภทเดียวกันอยากมาร่วมงานด้วนกันโดยง่าย และข้อดีของคนเก่ง ๆ อันหนึ่งก็คือเมื่อมาทำงานร่วมกันแล้วกลุ่มคนเหล่านี้จะช่วยกันทำงาน พัฒนางาน เพื่อให้เกิดผลดี ผลสำเร็จ ความยั่งยืนในระยะยาว นอกจากนี้การอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มจะเป็นตัวช่วยอย่างสำคัญในการรักษาคนประเภทเดียวกันไว้ในองค์กรได้ (แต่องค์กรต้องมีมาตรการในการดูแลพนักงานให้ดีด้วย เพราะถ้าดูแลไม่ดีก็จะเกิดปฏิกิริยาย้อนกลับคือชักชวนกันออกไปเป็นกลุ่มได้เช่นกัน)

3.3 ประหยัดต้นทุน เวลา ในการกำกับ ตรวจสอบ กระบวนการปฏิบัติงาน: ในทุก ๆ องค์กร ต่างก็ต้องมีกฎระเบียบ และแนวปฏิบัติของตนเองเอาไว้เพื่อกำหนดเป็นกรอบความประพฤติของคน แต่ถ้าองค์กรไม่มีวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็งสนับสนุนให้คนประพฤติปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ (Compliance) เหล่านั้น ก็จะเกิดปรากฏการณ์ที่กฎระเบียบที่มีอยู่ขาดการบังคับใช้ และถ้าองค์กรต้องการที่จะเอาจริงเอาจังในกฎระเบียบต่าง ๆ ที่มี องค์กรก็ต้องสร้างระบบงาน หน่วยงาน จ้างคน มาควบคุม ตรวจสอบ ความประพฤติที่ออกนอกกฎกติกาขององค์กร ซึ่งกระบวนควบคุมเหล่านี้จะเพิ่มต้นทุน เสียเวลา ในการดำเนินงานขององค์กร นอกจากนี้ยังไปเพิ่มบรรยากาศแห่งการไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นบรรยากาศในการทำงานที่ไม่ส่งเสริมความสามัคคี การทำงานร่วมกันแบบร่วมแรงร่วมใจ (บรรยากาศแบบนี้จะไม่ส่งเสริมให้คนคิดสร้างสรรค์) เพราะฉะนั้นองค์จะต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กร ที่ให้ทุกคนรับรู้ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรมีหน้าที่ มีแรงบันดาลใจและมีความมุ่งมั่นที่จะต้องประพฤติปฏิบัติตามกฎกติกาขององค์กร เช่น ถ้าองค์กรต้องการมีกระบวนการปฏิบัติงานที่มีความเป็นธรรมาภิบาล ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น และเคารพกฎกติกา ก็ต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรขึ้นมาสนับสนุน ตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย เช่น การต้องเขาคิว การไม่จอดรถในที่ห้ามจอด การมาทำงาน เข้าประชุม การส่งงาน ตรงเวลา ฯลฯ และทุกคนในองค์กรตั้งแต่ คณะกรรมการบริษัท CEO ผู้บริหารระดับสูงลงมา ประพฤติปฏิบัติอย่างจริงจัง เรื่องความเป็นธรรมาภิบาลที่องค์กรคาดหวังก็จะได้ตามมา ที่สำคัญจะไปปลูกฝังแนวคิด (Mind Set) ของคนว่าต้องทำอะไรตรงไปตรงมา โปร่งใส จะลดภาระ เวลา ค่าใช้จ่ายในการกำกับ ตรวจสอบ ขององค์กรไปได้มาก

3.4 ส่งเสริมบรรยากาศการทำงานที่ใช้ความรู้: องค์กรสมัยใหม่ต้องการคนทำงานที่สามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา เป็นเครื่องจักรแห่งการเรียนรู้ (Learning Machine) ที่มีความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ สามารถเรียนรู้ในวิธีคิดและความรู้ใหม่ ๆ ด้วยการที่จะไม่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมากเกินไป เพราะการทำงานในโลกอนาคต การเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องหนึ่งเรื่องใดโดยเฉพาะจะไม่เพียงพอที่จะตอบรับต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งจากการวิจัยของ World Economic Forum และ The Boston Consulting Group พบว่า ประเทศที่ประชากรมีรายได้สูง คนในประเทศนั้น ๆ จะใช้ชุดความรู้ประกอบการทำงาน ในด้าน Critical Thinking, Problem solving, Creativity, Curiosity และที่สำคัญประเทศที่ประชากรที่มีรายได้ต่ำจะไม่มีคุณลักษณะด้าน Curiosity เลย กรณีศึกษาจาก Google ที่เป็นองค์กรที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในปัจจุบัน Google กระตุ้น ส่งเสริม ให้ชาว Googler ใช้ชุดความรู้ชุดดังกล่าวมาประกอบการทำงาน ด้วยการออกแบบวัฒนธรรมของ Google ที่ทำให้ชาว Googler ได้เรียนรู้ รู้สึกตื่นเต้นและกล้าทำอะไรใหม่ ๆ โดยยังไม่รู้เลยว่าผลของมันที่ออกมาจะสำเร็จหรือไม่ วัฒนธรรมของ Google กระตุ้นให้คนมี Passion ที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับลูกค้าด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ ด้วยความกล้าที่จะลองผิดลองถูก และเรียนรู้จากความล้มเหลว (Fail fast, Learn fast) นวัตกรรมจะเกิดขึ้นยาก ถ้าไม่เปิดโอกาสให้คนได้ทดลอง ซึ่งมีโอกาสผิดพลาดได้เสมอ องค์กรจะต้องพร้อม ยอมรับความล้มเหลว แต่ต้องทำให้การล้มเหลวนั้นเกิดการเรียนรู้ ซึ่งบรรยากาศเหล่านี้ จะต้องมีวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อให้คนสามารถเรียนรู้ เป็นเครื่องจักรแห่งการเรียนรู้ได้ตลอดเวลา

3.5 ส่งเสริมบรรยากาศการทำงานอย่างมีความสุข: จากการวิจัยของมหาวิทยาลัย Harvard เกี่ยวกับความสุข พบว่า ปัจจัยสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้คนมีความสุขหากมีสิ่งที่ตอบสนองความจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตที่ครบถ้วนแล้ว คือความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง จากความหมายของวัฒนธรรมที่บอกว่าวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ยึดถือปฏิบัติ เพื่อความเจริญของหมู่คณะ อนุมานได้ว่าวัฒนธรรมองค์กรที่ดี และทุกคนร่วมมือในการประพฤติปฏิบัติจนมีความเข้มแข็ง จะนำมาซึ่งความเจริญงอกงามของทุกคน การที่คนทุกมีจิตสำนึกร่วมกันรู้ว่าสิ่งที่กำลังประพฤติปฏิบัติจะนำมาซึ่งความเจริญงอกงามในอนาคต จะทำให้ทุกคนร่วมมือ ร่วมใจ กันในการปฏิบัติ จะนำมาซึ่งความสามัคคี ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ลดข้อขัดแย้ง จะนำมาสู่บรรยากาศแห่งความสุขในการทำงานได้

ความท้าทายขององค์กรในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลประการสำคัญอันหนึ่งก็คือ การออกแบบ และขับเคลื่อนวัฒนธรรมองค์กรที่จะต้องสอดรับกับคุณลักษณะองค์กรที่เรียกว่า Agile Organization ที่กระบวนการปฏิบัติงานขององค์กรต้องประกอบด้วย

1.) ความว่องไวในการขับเคลื่อน (Agility)

2.) ความน่าเชื่อถือ (Trustworthiness)

3.) การขยายหรือหดตัวขององค์กร (Scalability)

4.) การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะการแข่งขัน (Responsiveness)

5.) การรังสรรค์นวัตกรรม (Inventiveness)

ซึ่งจะเรียกรวม ๆ ว่าเป็น Agile Culture สิ่งที่เป็นประเด็นปัญหาสำคัญก็คือความเข้มแข็งในการเอาจริงเอาจัง ในการใช้วัฒนธรรมองค์กรให้เป็นพื้นฐานในการกำกับขอบเขตของพฤติกรรมของคนที่ต้องอยู่ร่วมกัน ทำงานร่วมกัน เป็นจิตวิญญาณของทุกคน สามารถตระหนักรู้ได้ด้วยตนเองว่าอะไรเป็นสิ่งที่ควรประพฤติปฏิบัติ และอะไรเป็นสิ่งที่ไม่ควรประพฤติปฏิบัติ ถ้าองค์กรมีเป้าประสงค์ว่าต้องการจะทำให้วัฒนธรรมองค์กรของตนเองเข้มแข็ง ก็ควรที่จะต้องมาทบทวนเสียก่อนว่าวัฒนธรรมที่มีอยู่เดิมนั้น มีความเหมาะสม เข้ายุคสมัยเพียงใด (โลกเปลี่ยนไปทุกวัน ด้วยอัตราเร่งที่รวดเร็ว) วัฒนธรรมใหม่จะต้องเป็นวัฒนธรรมที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน ตั้งแต่คณะกรรมการบริษัท CEO ผู้บริหาร พนักงาน ผู้มีส่วนได้เสียอื่น ๆ และสื่อสารให้คนในองค์กรเห็นถึงที่มา ความสำคัญ ประโยชน์ของวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกคนจะได้รับ แล้วลงมือปฏิบัติกันอย่างจริงจัง (ไม่ใช่เพียงแค่เขียนวัฒนธรรมองค์กรติดไว้ที่ห้องประชุม หรือสอนแค่ให้พนักงานท่องจำวัฒนธรรมองค์กร) ใช้วัฒนธรรมองค์กรเป็นแกนในการผลักดันยุทธศาสตร์ขององค์กร ซึ่งในการลงมือปฏิบัติเพื่อให้วัฒนธรรมองค์กรอยู่ในสายเลือดของทุกคน ปัจจัยสำคัญแห่งความสำเร็จจะต้องมาจากผู้นำ ผู้นำจะต้องเป็น Role Model ในการส่งเสริม ผลักดัน ประพฤติปฏิบัติ และขจัดอุปสรรคด้วยการเอาใจใส่ แก้ปัญหาโดยทันทีเมื่อมีการพฤติกรรมที่ขัดกับวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งถ้าทำได้จะเป็นภาพลักษณ์ขององค์กร เป็นตัวตน ที่อยู่ในใจของผู้คนในสังคม การประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนในระยะยาวก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป

Tag:
No items found.
Share this post:
ชัยทวี เสนะวงศ์

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024