นี่คือคำถามตั้งต้นจากเวทีระดับโลก SHRM25 (Society for Human Resource Management) และสรุปออกมาเป็นกรณีศึกษาที่ทรงพลัง
ในหัวข้อ Leadership Resources Management - A Case Study on Improving Leadership Utilization
โดย Bryan Bennett
MBA, LSSGB, CPA - Elite Leadership Academy - Northwestern University - Kellogg School of Management
ซึ่งทีม #PMAT นำกลับมาฝาก เพื่อน #HR
ทำความเข้าใจ: ผู้นำที่ดี ≠ ผู้นำที่ใช่
Bryan เปิดประเด็นด้วยข้อมูลน่าตกใจว่า องค์กรในสหรัฐฯ สูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจจากภาวะผู้นำที่เป็นพิษถึง $960 พันล้านดอลลาร์/ปี โดยผู้นำที่ “ดูเหมือน” ทำงานได้ดี อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี เช่น ลดขวัญกำลังใจของทีม, เพิ่มอัตราการลาออก และทำลายวัฒนธรรมองค์กรโดยไม่รู้ตัว
เครื่องมือวิเคราะห์ผู้นำ: 9 มิติพฤติกรรมความเป็นผู้นำ
Bryan นำเสนอโมเดลการประเมินผู้นำผ่าน 2 แกนสำคัญ:
• Potential for Leadership (ตัวตน): Humility, Empathy, Vision, Risk-taking
• Practice of Leadership (พฤติกรรม): Assessing, Visioning, Living, Reflecting, Coaching
ผลลัพธ์ที่ได้จากการวิเคราะห์เป็น Radar Chart แสดงภาพเปรียบเทียบระหว่าง:
• คะแนนตนเอง
• การประเมินจากทีม
• ค่าเฉลี่ยของประชากร (Population Benchmark)
สิ่งที่โดดเด่นคือ การใช้ข้อมูล จากทีมงานโดยตรง (Direct Report) เพื่อหาช่องว่างระหว่าง “สิ่งที่ผู้นำคิดว่าตนเป็น” กับ “สิ่งที่ทีมรับรู้”
ใช้ Data เพื่อ “ปลดล็อก” ผู้นำ
ขั้นตอนการดำเนินงานมีความเป็นระบบ:
• Kickoff Meeting: เพื่อสื่อสารวัตถุประสงค์ร่วม
• ส่งแบบประเมินรายบุคคล
• ส่งแบบประเมินโดยทีมงาน (หัวหน้า, เพื่อนร่วมงาน, ผู้ใต้บังคับบัญชา)
• สรุปผลกับผู้นำแต่ละคน พร้อม Action Plan ส่วนตัว
• ประเมินซ้ำหลังผ่านไป 4 เดือน
• เดิมวางแผนติดตามในเดือนที่ 12 แต่โครงการสิ้นสุดเนื่องจากองค์กรถูกควบรวม
ผลลัพธ์คือ ความเปลี่ยนแปลงที่ “จับต้องได้” ในเชิงพฤติกรรมของผู้นำ โดยเฉพาะกรณีศึกษาของผู้นำที่เคยถูกระบุว่าเป็น “Toxic Leader” แต่สามารถ “เปลี่ยนได้” ภายใน 4 เดือน ผ่านการโค้ชและข้อมูลย้อนกลับอย่างสร้างสรรค์
นิยามใหม่ของ “การพัฒนาองค์กร”: ไม่ใช่แค่ฝึก แต่ต้อง “วิเคราะห์+เลือกใช้” ผู้นำให้ถูกจุด
ทีมงานยังเสนอ Framework ที่น่าสนใจ:
Right Leader + Right Abilities + Right Opportunity + Right Time = Organizational Impact
การจัดกลุ่มผู้นำออกเป็น Tier 1-3 และ “All Others” ทำให้องค์กรสามารถ จัดวางคนให้ตรงกับบทบาท เช่น:
• ใครควรนำทีมที่มีปัญหา?
• ใครควรเริ่มโปรเจกต์ใหม่?
• ใครยังต้องพัฒนา?
Key Takeaway สำหรับองค์กรไทย
• ผู้นำไม่ใช่แค่ “มีศักยภาพ” แต่ต้อง “แสดงพฤติกรรม” ที่ทีมรับรู้และเชื่อถือ
• ข้อมูลเชิงพฤติกรรมช่วย “ตัดสินใจอย่างเป็นกลาง” โดยไม่ต้องพึ่งอคติส่วนบุคคล
• การ “พูดคุยอย่างยาก” (Difficult Conversations) จะง่ายขึ้นเมื่อมีข้อมูลที่เชื่อถือได้รองรับ
กรณีศึกษานี้ไม่ได้เพียงแค่พูดถึง "วิธีพัฒนาผู้นำ" แต่ชี้ให้เห็นว่า "การใช้ประโยชน์จากผู้นำ" อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องอาศัย ข้อมูล, ความโปร่งใส และการวางกลยุทธ์
เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์จากเวที #SHRM25 ที่ทีม #PMATXSHRM2025 นำมาฝาก เพื่อให้ทุกองค์กรไทยได้แรงบันดาลใจในการ “ปลดล็อกศักยภาพ” ของผู้นำในองค์กรของคุณเอง