>
การสร้างความผูกพันต่อองค์กรในยุค VUCA
April 28, 2023

การสร้างความผูกพันต่อองค์กรในยุค VUCA

องค์กรมีการเปลี่ยนแปลงในโลกของ VUCA หมายถึง ความผันผวน ความไม่แน่นอน ความซับซ้อนและความคลุมเครือ ซึ่งเป็นสิ่งใหม่ที่เป็นเรื่องปกติในธุรกิจ โดยเริ่มมาตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจถดถอย ความผูกพันของพนักงานมีความสำคัญอย่างไรในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ลักษณะของความผูกพันของพนักงานเป็นอย่างไร อะไรเป็นสิ่งที่จะเป็นแรงผลักดันความผูกพันของพนักงาน ผู้นำธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรมนุษย์จะทำการรักษาระดับความผูกพันของพนักงานและจะยกระดับความผูกพันของพนักงานได้อย่างไร

ในรอบสามปีที่ผ่านมา มีการปลดพนักงานออกจำนวนมากและการปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งมีการควบรวมกิจการและการเข้าซื้อกิจการ การอนุมัติงบประมาณของรัฐบาลและการตั้งกฎระเบียบต่างๆ ความวุ่นวายทางการเมืองและภัยพิบัติทางธรรมชาติอยู่ในจิตใจของพนักงานทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งขันทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น แรงกดดันทางการเงิน และปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นในบริษัท ทั้งสิ้นล้วนส่งผลกระทบต่อพนักงาน คนที่โชคดีคือคนที่ยังมีงานทำ   โดยจะต้องมุ่งเน้นไปในเรื่องของการผลิต การทำงานเป็นทีมและการคิดค้นนวัตกรรม บรรดาพนักงานที่เหลืออยู่  มักจะต้องเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นและการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง จะต้องสามารถทำได้ตามเป้าหมายการผลิตที่สูงขึ้น วงจรการคิดค้นนวัตกรรมจะน้อยลง สิ่งที่ Bruch และ Menges (2010) เรียกว่า "กับดักความเร่ง" ส่งผลกระทบต่อพนักงานให้เกิดความเหนื่อยหน่ายในบริษัท

แสดงให้เห็นว่าในช่วงเวลาที่บริษัทเหล่านี้ต้องต่อสู้เพื่อเร่งการดำเนินงาน พนักงานต้องทำงานล่วงเวลาอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังมีรายงานของสื่อมวลชนออกมาว่ามีการปลดพนักงานอย่างต่อเนื่อง การขาดเสถียรภาพทางการเงินเป็นปัญหาของประเทศที่สำคัญ ทำให้แรงงานยากจนในบริษัททั่วโลก รัฐบาลเหนื่อยหน่ายกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และสิ่งนี้ก็เป็นความวิตกกังวลของพนักงาน

ในอนาคตจำเป็นที่จะต้องมีผู้นำที่จะยอมรับความเป็นจริงในปัจจุบัน ไม่คาดหวังถึงอดีตที่ผ่านมาแล้ว ที่ซึ่งทุกอย่างอยู่อย่างเป็นปกติ แต่ในปัจจุบันนี้จะต้องเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นสำหรับการอยู่รอดและประสบความสำเร็จในโลก VUCA  ผู้นำส่วนใหญ่รู้ว่าพวกเขาจะต้องช่วยให้พนักงานรับมือและแข่งขันในสภาพดังกล่าวได้ แต่การรักษาระดับของความผูกพันของพนักงานเป็นสิ่งที่ท้าทายมากขึ้น

The Conference Board CEO Challenge (2011) พบว่าปัญหาที่เกี่ยวข้องกับพนักงานที่มีความสามารถสูงและความผูกพันของพนักงานเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมากและอยู่ในใจของผู้บริหารระดับสูงที่จะต้องทำการสำรวจประจำปีเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความคิดเห็นของพนักงาน  ในปี 2010 ได้มีการสำรวจความคิดเห็นของผู้นำองค์กรว่าสิ่งที่เป็นความท้าทายที่สำคัญที่สุดสองอย่างแรกที่ส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจคืออะไร คำตอบอันดับหนึ่งคือ การบริหารคนเก่งในองค์กร ผู้บริหารระดับสูงในองค์กรทุกคนเห็นว่าการดึงดูด การพัฒนาและการรักษาคนเก่งในองค์กรนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญอันดับแรก รองลงมาคือการเพิ่มความผูกพันของพนักงาน ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญขององค์กร

การที่องค์กรแค่พูดถึงเรื่องความผูกพันของพนักงานคงไม่เพียงพอ แต่ผู้บริหารระดับสูงและผู้นำในองค์กรจะต้องมีการวางแผนงาน ในโลกของ VUCA นั้น สิ่งที่เคยทำสำเร็จได้ในอดีตไม่สามารถจะคาดเดาได้ว่าจะสำเร็จในปัจจุบัน  วิธีการที่เคยใช้ในอดีตไม่สามารถจะนำมาเป็นจุดเริ่มต้นในการทำงานในปัจจุบันได้

ความผูกพันของพนักงานเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้มองเห็นความแตกต่างระหว่างความผูกพันและอีกหลายเรื่องที่มีความคล้ายกัน การเชื่อมโยงความสัมพันธ์และความผูกพันของพนักงานไม่ได้มองแค่ในเรื่องความพึงพอใจในงาน หรือว่ามีความหมายแค่เพียงความตั้งใจที่จะเก็บรักษาพนักงานไว้ในองค์กรแต่อย่างเดียว อย่างไรก็ตามแนวความคิดดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องความผูกพันของพนักงานเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วความหมายจะครอบคลุมมากกว่าเพียงแค่ทัศนคติหรืออารมณ์เพียงอย่างเดียว

ในการวิเคราะห์ความผูกพันของพนักงานจะครอบคลุมทั้งในเรื่องคำจำกัดความและการออกแบบรวมไปถึงสามองค์ประกอบหลัก ได้แก่ ความคิด อารมณ์ พฤติกรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องความผูกพันของพนักงาน โดยผู้นำจะต้องเข้าถึงเรื่องดังกล่าว The Conference Board (2006) ได้ให้นิยามของความผูกพันของพนักงานไว้ว่า “ความผูกพันของพนักงานเป็นอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดที่มีต่องาน ผู้จัดการ เพื่อนร่วมงานและองค์กร และในทางกลับกัน งานที่ทำอยู่ ผู้จัดการ เพื่อนร่วมงานและองค์กรก็มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจทำงานและความพยายามในการทำงานของพนักงานด้วย”

ในทำนองเดียวกัน Thowers Watson (2010)  ได้กำหนดนิยามของความผูกพันไว้สามมิติ ประกอบด้วย
(1) เหตุผล : เป็นสิ่งที่ทำให้พนักงานทุกคนเข้าใจบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของพวกเขา
(2) อารมณ์ : เป็นความรักในงานและองค์กรที่พนักงานได้ทำงานอยู่
(3) แรงจูงใจ : เป็นสิ่งที่พนักงานจะตัดสินใจในการลงทุนความพยายามที่จะทำงานออกมาให้ได้อย่างดี

นอกจากนี้ Macey & Schneider (2008)  ยังพบว่า อารมณ์  พฤติกรรมและความคิดรวบยอดสามารถที่จะอธิบายในเรื่องความผูกพันได้ พนักงานจะใช้ความผูกพันในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ในส่วนของอารมณ์ทางจิตวิทยา เช่น ความมุ่งมั่น ความพึงพอใจ การได้มีส่วนร่วมในงาน ในส่วนของพฤติกรรม เช่น บุคลิกภาพเชิงรุก การแสดงออกทางบทบาทในการทำงานอย่างชัดเจน  ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

แนวโน้มของความผูกพันของพนักงานตามบริบทของภารกิจและวัตถุประสงค์ พบว่า Bardwick (2008) กล่าวว่าพนักงานจะรู้สึกว่าผูกพันกับองค์กรเมื่อพวกเขารู้สึกว่า "สิ่งที่พวกเขาทำคือสิ่งที่มีความสำคัญจริงๆ และสิ่งที่พวกเขาทำจะนำไปสู่การทำงานที่มีคุณค่าจริงๆ” ส่วน  Haudan (2008) เน้นในเรื่องที่จะต้องเข้าใจกลยุทธ์ขององค์กรและวิสัยทัศน์ ถ้าหากไม่เข้าใจในเรื่องเหล่านี้ ความผูกพันกับองค์กรไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ทางด้าน Ulrich (2010) ได้เสนอความหมายที่กว้างออกไป ไม่เพียงแค่ความผูกพันในองค์กรที่ตนเองทำงานอยู่เท่านั้น แต่ยังหมายถึงการสร้างแรงบันดาลใจให้กับตนเองและเพื่อนร่วมงาน การสร้างงานที่มีคุณค่าให้สำหรับผู้มีส่วนได้เสียและการสร้างความหวังให้กับผู้อื่นในโลก

ตามมุมมองของ Ulrich แล้ว ขอบเขตขององค์กรหมายความรวมไปถึง ความคิดสร้างสรรค์ ความหวัง ความยืดหยุ่น ความมุ่งมั่น ความมั่งคั่ง และความเป็นผู้นำ พนักงานที่มีความผูกพันต่อองค์กรจะมีความสามารถ ความมุ่งมั่นและมีส่วนร่วมในองค์กรมากขึ้น ความสามารถในการทำงานของพนักงาน, ความมุ่งมั่นในการทำงานและความรู้สึกของการมีส่วนร่วมนำไปสู่ความมุ่งมั่นของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและความมุ่งมั่นของลูกค้าจะนำไปสู่ผลลัพธ์ทางการเงินที่ดีขึ้นสำหรับองค์กร

แนวโน้มของความผูกพันแสดงให้เห็นว่าอารมณ์เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ Boston Consulting Group (2008) พบว่าพนักงานจะมีตัวเลือกในการทำงานที่มากขึ้นและการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ มาจากพื้นฐานทางครอบครัว มีความปรารถนาในการสร้างสมดุลในการทำงานและการใช้ชีวิตนอกที่ทำงานให้มากขึ้น

สิ่งนี้อธิบายการขยายแนวคิดองค์กรในเรื่องของความผูกพัน การเปลี่ยนแปลงของโลกมีความสิ่งสำคัญมาก สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของการทำงานในบริบทของบางสิ่งบางอย่างที่เพิ่มขึ้นของพนักงาน บางทีความคิดเก่าในเรื่องการทำงาน เช่น การจ้างงานที่มั่นคง ความก้าวหน้าในอาชีพอย่างต่อเนื่อง ความมั่นคงทางการเงินในช่วงปีที่เกษียณอายุ มันอาจจะเป็นยุคที่สิ้นสุดแล้วก็ได้ เมื่อมนุษย์ได้ค้นหาสิ่งที่มีความหมายใหม่ในชีวิตของเขา  

สำหรับสิ่งที่จะขับเคลื่อนให้พนักงานเกิดความผูกพันต่อองค์กรนั้น The Conference Board (2006) ค้นพบองค์ประกอบ 8 ข้อที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนความผูกพันในองค์กร ได้แก่
(1) ความไว้วางใจและความซื่อสัตย์
(2) ธรรมชาติของงาน
(3) ประสิทธิภาพการทำงานของแต่ละบุคคลและผลการดำเนินงานขององค์กร
(4) โอกาสในการเติบโตในอาชีพ
(5) ความภาคภูมิใจในองค์กร
(6) เพื่อนร่วมงาน / สมาชิกในทีม
(7) การพัฒนาพนักงาน
(8) ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้จัดการ Korn Ferry (2009) ได้ค้นพบอีกสามข้อเพิ่มเติม ได้แก่ การรับรู้ของพนักงาน การจ่ายค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและอิทธิพลส่วนบุคคล  

ในขณะที่ Bardwick (2008) ได้ระบุสิ่งที่ขับเคลื่อนความผูกพันของพนักงาน ซึ่งได้แก่ ความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานและเจ้านาย ความไว้วางใจ การสื่อสารและความสัมพันธ์ในที่ทำงาน ส่วน Towers Watson (2010) กล่าวว่าการมีภาวะผู้นำ โอกาสในการพัฒนา งานที่มีน่าสนใจ และการให้ผลตอบแทนทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน สิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความผูกพันในองค์กร  

Karsan and Kruse (2011) ให้ข้อมูลว่าเป็นเรื่องของความภาคภูมิใจ ความพึงพอใจ การให้การสนับสนุนและการดูแลและรักษาพนักงาน Aon Hewitt (2011) กล่าวว่าการมีโอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ การมอบหมายงาน ความตระหนักในหน้าที่ เป็นสิ่งที่สร้างความผูกพันในองค์กร

Merit Principles (2008) พบว่าสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนความผูกพันต่อองค์กร ได้แก่ ความภาคภูมิใจในการทำงาน

ความพึงพอใจกับความเป็นผู้นำ โอกาสที่จะได้พัฒนาการทำงาน ความพึงพอใจในงาน โอกาสสำหรับการเติบโตและความเป็นมืออาชีพในอนาคต สภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี เช่น การทำงานเป็นทีม

การวิจัยแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ขับเคลื่อนความผูกพันต่อองค์กรค่อนข้างคงที่และมีความคล้ายคลึงกัน ดังนั้นเมื่อเราได้รับรู้ว่าสิ่งสำคัญที่ขับเคลื่อนความผูกพันต่อองค์กร เราก็ควรที่จะพัฒนาในเรื่องนี้และเพิ่มระดับความผูกพันของพนักงานต่อองค์กรให้มากขึ้น

อ้างอิง :

The Conference Board (2012). Employee Engagement in a VUCA* World A Review of Current Research and Its Implications . Retrieved November 10, 2014, from www.conferenceboard.org.

Tag:
No items found.
Share this post:
ผศ.รัชฎาทิพย์ อุปถัมภ์ประชา

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024