ด้านแรก ลักษณะการทำงานของมนุษย์เปลี่ยนไประบบอัตโนมัติของ AI เข้ามาช่วยในส่วนของ "วิธีการ" และปลดปล่อยมนุษย์ให้โฟกัสอย่างกับความเชี่ยวชาญที่สามารถมุ่งเน้นที่ "อะไร" การเปลี่ยนแปลงนี้ ได้เปลี่ยนระบบการทำงานของมนุษย์ไปสู่บทบาทที่เน้นทางกลยุทธ์และความคิดสร้างสรรค์แทนที่งานพื้นฐานที่อาศัยระบบอัตโนมัติเข้าจัดการแทน อันมีผลทำให้มนุษย์สามารถมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายและกลยุทธ์ที่มีมิติมากขึ้น
ด้านต่อมา ที่จำเป็นของมนุษย์ก็เปลี่ยนแปลงไปสืบจากการเปลี่ยนแปลงในด้านแรก การเปลี่ยนนี้เปิดทางให้ความสำคัญของบางทักษะ เช่นความสามารถในการคิดวิเคราะห์,การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์, และการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและกลยุทธ์กลายเป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้น ในขณะที่การเข้าใจด้านเทคนิคของกระบวนการถูกลดความสำคัญลง แต่เป็นเรื่องของการกำหนดผลลัพธ์ที่ต้องการจากกระบวนการนั้นที่เป็นเป้าหมายสำคัญในการทำงานมากกว่า
ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้ถูกยืนยันบนผลสำรวจของ Mckinsey ที่ได้ทำการสำรวจกับผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆจำนวนมากกว่า 1,000 คน ซึ่งในการสำรวจนี้มีมากมายหลายประเด็น แต่ประเด็นที่จะหยิบยกมาบนบทความนี้คือนวัตกรที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่มีผลงานดีนั้น มองว่ามี 5 พฤติกรรมขององค์กรที่จะสามารถใช้งาน Generative AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดซึ่งพฤติกรรมเหล่านั้น ได้แก่
1) รู้วิธีการถามคำถามที่ถูกต้อง – หลายๆคนที่ทำงานเกี่ยวกับข้อมูล คงเคยได้ยินคำพูดสุดคลาสสิคที่ว่า “garbage in, garbage out” หรือถ้าใส่อะไรที่เป็นขยะเข้าไปก็จะได้ขยะกลับออกมา เช่นกันนวัตกรที่เก่งๆมองว่าหากคนในองค์กรมีทักษะในการถามคำถามที่ดีก็จะเพิ่มพลังในการใช้ Generative AI ได้ดีมากยิ่งขึ้น
2) สังเกตเห็นคำตอบที่ผิดได้รวดเร็ว - เพิ่มเติมจากคำถามที่ถูกต้อง เนื่องจาก Generative AI ในปัจจุบันก็ยังต้องมีการพัฒนาและธุรกิจปัจจุบันยังเน้นการ Fail Fast หรือการล้มแล้วลุกอย่างรวดเร็วดังนั้นองค์กรที่จะสามารถใช้ประโยชน์จาก Generative AI ได้อย่างเต็มที่จะต้องมีความสามารถในการมองภาพใหญ่และระบุจุดที่มีข้อผิดพลาดและลงมือแก้ไขได้อย่างรวดเร็วด้วย
3) เก็บข้อมูลอย่างเหมาะสม และถูกต้อง - พื้นฐานของ Generative AI ที่ดี คือ Database หรือฐานข้อมูลที่ดี เป็นสิ่งที่จำเป็นและแหล่งที่มาของข้อมูลในองค์กรก็คือกระบวนการทำงานภายในขององค์กร ทั้งการทำงานการบันทึกข้อมูล และการส่งต่อข้อมูลระหว่างกัน ฉะนั้นองค์กรจะไม่สามารถใช้ Generative AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพเลย หากไม่มีการเก็บข้อมูล และจัดการข้อมูลที่ดี ในระดับ Day to Day Operation
4) องค์กรเรียนรู้ได้รวดเร็ว – ไม่น่าแปลกใจสำหรับข้อนี้การที่องค์กรจะใช้ประโยชน์จาก Generative AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพทั่วทั้งองค์กรก็จะต้องมีความพยายามที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่สม่ำเสมอ ไม่หยุดนิ่งไม่เชื่อว่าสิ่งที่องค์กรทำมาอย่างยาวนานนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วตลอดกาลหากแต่สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้อยู่เสมอ วิธีการทำงานแบบ Agile ก็เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถกระตุ้นให้คนในองค์กรทำงานได้อย่างปรับเปลี่ยนรวดเร็วตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไวอย่างในปัจจุบัน
5) เข้าใจการทำงานแบบไม่ใช้มนุษย์ – Generative AI ทำงานได้ไวกว่ามนุษย์อย่างมากอยู่แล้วดังนั้นการที่จะใช้ประโยชน์สูงสุดได้ องค์กรโดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรที่สามารถใช้ระบบอัตโนมัติได้ ควรต้องมีการระบุวิธีการทำงานที่ชัดเจนและปลูกฝังวิธีการทำงาน วิธีคิด และกระบวนการลงไปในพนักงานของตนเองให้ชัดเจน
ซึ่งจากความเปลี่ยนแปลงที่กล่าวข้างต้นนั้นเองวัฒนธรรมองค์กรที่อาจจะตอบโจทย์ในการมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่สามารถใช้ GenerativeAI ได้อย่างมีประสิทธิภาพอาจจะเป็นสิ่งที่คุณเคยได้ยินมาบ่อยครั้งในช่วงไม่กี่ปีมานี้ คือ
1) การยอมรับความล้มเหลวสิ่งนี้จะช่วยสร้างให้องค์กรของคุณไม่หยุดนิ่งและมองหาวิธีการใหม่ๆในการพัฒนาอยู่เสมอ ซึ่งการที่จะให้พนักงานกล้าคิดกล้าลององค์กรก็ต้องสร้างวัฒนธรรมให้เปิดรับความล้มเหลวอาจจะมีเวทีให้แชร์สิ่งที่ได้เรียนรู้จากความล้มเหลวในงานที่ได้ปฎิบัติมาหรือการสื่อสาร Lesson Learn ที่พนักงานแต่ละทีมได้พบเจอและสร้างบรรยากาศให้มีการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ ระหว่างกันก็จะช่วยทำให้ความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องที่ต้องซ่อนเร้นปิดบังและสร้างวัฒนธรรมนี้คือมาได้
2) การเปิดรับการเรียนรู้ในทุกๆเรื่อง (Learn-it-all) วัฒนธรรมอันสร้างชื่อของ Microsoft ที่ริเริ่มโดยคุณ Satya Nadella นี้เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์อย่างยิ่งในองค์กรที่ต้องการขับเคลื่อนด้วย AI การเปิดรับการเรียนรู้จะทำให้คุณภถามคำถามที่ดีขึ้นกำหนดเป้าหมายและเป้าประสงค์ของชิ้นงานได้ดีขึ้น เข้าใจในภาพรวมและมองเห็นในภาพกว้าง (Holistic) ได้ดีขึ้น อันจะนำไปสู่การประสานพลังกับ Generative AI และส่งประสิทธิภาพมาให้กับองค์กรในภาพรวมได้
สุดท้ายนี้การที่ Generative AI จะถูกพัฒนาขึ้นและเริ่มจะเปลี่ยนบทบาทจาก เครื่องมือเป็นเพื่อนร่วมงานคู่คิดกับมนุษย์การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปรียบเสมือนเป็นคู่มือของ How we work together จึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อทั้งตัวมนุษย์ที่ทำงานอยู่ในองค์กร ตัวระบบ Generative AI เอง และองค์กรในภาพรวมเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงที่เราหลีกหนีไม่ได้นี้ สามารถปรับเข้ากันได้อย่างลื่นไหลและทรงประสิทธิภาพ
Reference
https://hbr.org/2023/06/3-steps-to-prepare-your-culture-for-ai
https://www.mckinsey.com/capabilities/strategy-and-corporate-finance/our-insights/companies-with-innovative-cultures-have-a-big-edge-with-generative-ai
https://www.forbes.com/sites/forbestechcouncil/2023/08/30/the-generative-ai-revolution-a-paradigm-shift-in-work-culture/?sh=3c7ada097992