ภายใต้สภาพการแข่งขันที่รุนแรงในปัจจุบัน องค์กรต่างๆ แสวงหา การคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creativity) ซึ่งจะช่วยขยายขอบเขตความคิดเดิมออกไปจากกรอบความคิดที่มีอยู่ สู่ความคิดใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อค้นหาแนวทางที่แตกต่าง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสินค้าและบริการ จากสิ่งเดิมไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่า อย่างไรก็ตามในบางสถานการณ์ เช่น ภายใต้สถานการณ์วิกฤต การคิดเชิงสร้างสรรค์จะมีประโยชน์น้อยกว่าการคิดเชิงวิจารณญาณ (Critical Thinking)
การคิดเชิงวิจารณญาณ (Critical Thinking) เป็นการพิจารณาเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยใช้เหตุและผล รวมทั้งการเชื่อมโยง วิเคราะห์ แสวงหาแนวทางต่างๆ เพื่อหาคำตอบที่สมเหตุสมผล มากกว่าจะคล้อยตามความเชื่อหรือข้ออ้างเดิมๆ เมื่อเทียบกับระดับขั้นของการเรียนรู้ การคิดเชิงวิจารณญาณ อยู่ในขั้นประเมิน (Evaluate) ซึ่งเป็นขั้นตอนของการตัดสินและพิจารณาคุณค่าของสิ่งต่างๆ โดยที่ยังมีการโต้แย้ง ถกเถียงเกี่ยวกับเนื้อหา ต้องหาข้อมูลมาสนับสนุนในข้อโต้แย้งดังกล่าวก่อน จึงจะยอมรับเป็นข้อสรุป
การฝึกเพื่อให้เป็นนักคิดเชิงวิจารณญาณ (Critical Thinker) ต้องใช้สมองซีกซ้ายเป็นหลัก ซึ่งเป็นการคิดเชิงลึก คิดอย่างละเอียด จากเหตุไปสู่ผล ตลอดจนการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ในเชิงเหตุและผล การคิดแบบนี้มีประโยชน์ หลายประการ เช่น
1. ช่วยกำหนดเป้าหมายให้คิดอย่างถูกทาง
2. สามารถระบุประเด็นในการคิดได้อย่างชัดเจน
3. มีการประมวลข้อมูลทั้งทางด้านข้อเท็จจริงและความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นที่คิดทั้งทางกว้าง ทางลึก
4. วิเคราะห์ข้อมูลและเลือกข้อมูลที่จะใช้ในการคิดได้
5. มีการพิจารณาประเมินข้อมูลและทางเลือกที่หลากหลาย
6. ใช้หลักเหตุผล พิจารณาข้อมูลและเสนอคำตอบ หรือทางเลือกที่สมเหตุสมผลได้
7. เลือกลงความเห็นในประเด็นที่คิดได้