>
Diversity and Inclusion สำหรับพนักงานวัยสีเงิน (Silver Talent) อดีตที่จำเป็นสำหรับอนาคตของทุกองค์กร
April 24, 2023

Diversity and Inclusion สำหรับพนักงานวัยสีเงิน (Silver Talent) อดีตที่จำเป็นสำหรับอนาคตของทุกองค์กร

เมื่อผ่านการเฉลิมฉลองช่วงเวลาแห่ง Pride Month กันไปแล้ว เป็นหนึ่งในช่วงที่ให้หลายองค์กรได้หันมาคิดเรื่อง Diversity & Inclusion (D&I) กันมากขึ้น บางแห่งคิดได้ก็ต่อเมื่อกำลังต้องการสตอรี่ดี ๆ จากพนักงานและ HR เพื่อไปประชาสัมพันธ์องค์กรในเชิงบวก เลยได้โอกาสแวะเวียนมาประชุมกันเรื่องนโยบายการสร้างการมีส่วนร่วมสำหรับคนทุกเพศทุกวัยในองค์กร

เมื่อพูดถึง D&I ในองค์กรประเทศไทย เรามักพูดกันเรื่องเพศ เรื่องเชื้อชาติ และเรื่องอายุ (น้อย) กลยุทธ์ส่วนใหญ่ของ HR ที่โดนแรงกดดันจากสังคมก็มักโฟกัสไปที่การทำอย่างไรให้คนอายุน้อยที่มีความสามารถสูงมีพื้นที่และมีบทบาทมากขึ้นในองค์กรโดยไม่ถูกแรงกดทับจากกลุ่มพนักงานที่อยู่มาเก่า ให้กลายเป็นความหวังใหม่ ๆ ของทางรอดธุรกิจต่อไป

The Silver Age กลุ่มผู้มีอายุระหว่าง 55-70 ปี กำลังเป็นที่จับตามองของเหล่านักการตลาดและกลุ่มเป้าหมายทางธุรกิจ เพราะเป็นกลุ่มที่จะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็วจากภาวะ Aging Population โดยในปี 2021 มีจำนวนถึง 20% ของสัดส่วนประชากรในประเทศไทย มีเงินเก็บสูง เข้าถึงเทคโนโลยี สุขภาพยังพอไหว (บางคนยังแข็งแรงมาก) และมีเวลาว่างมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ จนทำให้เกิด The New Blue Ocean หรือโอกาสทางธุรกิจที่ยังไม่ค่อยมีคู่แข่งขึ้นมา ในประเทศญี่ปุ่น Silver Employee คิดเป็น 12.3% ในตลาดแรงงานตั้งแต่ปี 2017 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในประเทศไทยก็เช่นกัน

ปรับ Mindset ป้องกัน Unconcious Bias

ในมุมของการจ้างงาน เรามักคุ้นเคยกับกับดักทางความคิด การตัดสินคนจากอายุ ไม่ว่าจะจากวัฒนธรรมดั้งเดิม หรือประสบการณ์ที่แตกต่างกัน จนกลายเป็นสิ่งที่ทำลายวัฒนธรรมองค์กรและฉุดรั้งการเป็นองค์กรแห่งอนาคต

มาดูกันว่า มีมุมมองอะไรบ้างต่อพนักงานสูงอายุที่องค์กรควรรับมือและให้ความรู้พนักงานทุกกลุ่ม เพื่อสร้างสถานที่ทำงานสำหรับพนักงานทุกคน (Truly Diversive Workplace) ที่เปิดกว้างและใช้จุดแข็งร่วมกันอย่างแท้จริงให้เกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ และผลลัพธ์ทางธุรกิจที่สูงขึ้น ความเชื่อและ bias ที่เรามักพบเจอในองค์กรในช่วงการสรรหาคัดเลือก และการจะพิจารณาเลื่อนตำแหน่งพนักงาน

“พนักงานสูงอายุ อาจทำงานได้ไม่ดีพอเพราะมีปัญหาด้านสุขภาพ….”แต่จากการศึกษาพบว่า พนักงานสูงอายุใช้วันลาป่วยน้อยกว่าพนักงานรุ่นใหม่ ๆ ซึ่งสัมพันธ์กับอัตราการลาและความพึงพอใจในงาน และด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์และเทรนด์การดูแลสุขภาพทำให้ผู้สูงอายุในปัจจุบันหลายรายแข็งแรงกว่าเด็กรุ่นใหม่ ๆ ที่มีโรคประจำตัวรุมเร้า และมีอาการออฟฟิศซินโดรมตั้งแต่ยังอายุน้อย หากองค์กรเล็งเห็นว่า สิ่งเหล่านี้อาจเป็นปัญหาในอนาคต ก็ต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยนวิธีทำงานและ workplace ให้ ergonomic รวมถึงมีโปรแกรมดูแลสุขภาพที่เหมาะสมเพื่อหนีห่างจาก dilemma นี้ในอนาคตที่ดูจะมาถึงเร็วกว่าเดิม

“พนักงานสูงอายุ Productive สู้พนักงานรุ่นใหม่ไม่ได้….” พนักงานวัย Silver มีความจงรักภักดีกับองค์กร มีความต่อเนื่องของงาน และหลายครั้งมีการตัดสินใจที่ดีกว่า ที่เกิดจากประสบการณ์ที่สะสมมา รวมถึงคนส่วนใหญ่ยังทำงานอยู่โดยมีเป้าหมายมากกว่าแค่เงินเดือนหรือการเติบโตก้าวหน้าในงาน ในขณะที่คนรุ่นใหม่อยากเลิกทำงานตั้งแต่อายุน้อย คนสูงวัยกลับอยากทำงานต่อไปอีกนาน ๆ เพื่อให้ตนยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและมีคุณค่าอยู่ ดังนั้นหลายคนยังคงมี passion และแสวงหาความ productive ในตัวเองอยู่ แม้ในเรื่องของเทคโนโลยีก็ตาม

“พนักงานสูงอายุชอบต่อต้านการเปลี่ยนแปลง…” ความจริงการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในผู้สูงอายุเท่านั้น พนักงานอายุน้อยก็เป็น แต่มักถูกแสดงออกมาด้วยอาการ “ดื้อรั้น” หรือ “ดื้อเงียบ” ที่น่าเอ็นดูจากมุมมองของคนที่มีประสบการณ์สูงกว่า แต่ข้อที่ต้องยอมรับคือ ผู้สูงอายุมีอัตราการอยากเรียนรู้ที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเด็ก ผู้สูงอายุหลายคนกระตือตือร้นเรียนรู้ที่จะใช้อินเทอร์เน็ต และ smart phone แต่มักเรียนรู้ได้ถึงจุด ๆ หนึ่งเท่านั้น ดังนั้นองค์กรควรหาเครื่องมือและวิธีการที่หลากหลายในการสร้างความรู้และทักษะใหม่ ๆ ให้กับ Silver Talent หรือ Active Ager ขององค์กรเหมือนกับ Young Talent แต่ด้วยรูปแบบที่แตกต่างกันเพราะวิธีเรียนรู้ไม่เหมือนกัน

วางโปรแกรมการเรียนรู้สำหรับคนแต่ละวัย

การบริหาร Silver Employee ที่สำคัญคือ ทำอย่างไรให้คนเหล่านี้สามารถส่งต่อความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ที่สำคัญ (Critical Experience) ไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นอนาคตขององค์กรได้แบบครบถ้วนที่สุด เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ที่ยังคงรักษา Competitive Advantage แบบเดิม และเติมนวัตกรรมจากการรู้จักลูกค้าและองค์กรดีที่สุดเท่ากับคนที่ทำงานมากว่าครึ่งชีวิต การจะสร้างการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างคนหลายวัยได้นั้น องค์กรต้องเพิ่ม growth mindset ในทุกเจเนอเรชั่น สำหรับคนที่มีประสบการณ์ ก็ให้เรียนรู้จากความผิดพลาด (Mistakes) ในอดีต และคอยหมั่นเติมความรู้และทักษะระหว่างสายงานเข้าไปมากขึ้น (Inter-Department) และอาจมีการจัดตั้งกลุ่มการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างคนในวัยเดียวกัน หรือต่างวัย (Community of Practice) โดยกำหนดชุดทักษะที่เป็นที่ต้องการ หรือทักษะที่คนสูงวัยต้องมา refresh ให้ทันกับปัจจุบันและอนาคต

 

ในขณะที่โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคDigitalization ธุรกิจมีเทคโนโลยีและคนรุ่นใหม่ที่มีหัวก้าวหน้าเข้ามาช่วยขับเคลื่อน แต่สิ่งที่ขาดที่สุดคือ ข้อมูลและประสบการณ์ ซึ่งติดอยู่กับประสบการณ์กว่า 30 ปีของคนวัย Silver ที่เป็น Silver Talent ขององค์กร ยิ่งองค์กรและผู้บริหารละเลยคนกลุ่มนี้เท่าไหร่ เพราะคิดว่าเก่งแล้ว หรือเป็นผู้บริหารอยู่แล้วทำมาตั้ง 30 กว่าปี ธุรกิจก็ยิ่งสูญเสียสิ่งที่สะสมมาตลอดปีที่ผ่าน ๆ มาจนต้องเริ่มต้นใหม่อยู่ตลอดเวลา คนรุ่นใหม่เข้ามาก็เหนื่อยกับการที่องค์กรไม่มีระบบ ไม่มีคนสอนงาน หรือไม่มีข้อมูล

องค์กรใหม่ ๆ หลายแห่งอาจปฏิเสธว่า เรามีแต่คนรุ่นใหม่และไม่มีพนักงานอายุเกิน 35-40 ปี ซึ่งพบเห็นได้มากขึ้นในปัจจุบัน และเป็นเรื่องจริง แต่เชื่อได้ว่าทุกองค์กรจำเป็นต้องมีคนที่มีประสบการณ์ในเรื่องที่สำคัญ ๆ ที่เป็นหัวใจขององค์กรนั่งเป็นที่ปรึกษา หรือแม้แต่เป็น Board of Advisor ที่ให้มุมมองและประสบการณ์ หรือแม้แต่ Connection ที่สะสมมาหลายสิบปีจากคนกลุ่ม Silver Age นี้ ดังนั้นวิธี engage กับคนกลุ่มนี้ในแต่ละบทบาทก็อาจแตกต่างกันไปในเงื่อนไข ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำ พนักงานพาร์ทไทม์ พนักงานชั่วคราว หรือที่ปรึกษา ซึ่งล้วนกำลังทำงานอยู่บนเป้าหมายเดียวกันในการทำให้องค์กรประสบความสำเร็จ

จะดีกว่ามากหากเราสามารถสร้างองค์กรสำหรับทุกคน ทีมที่เปิดกว้างยอมรับและมีแนวปฏิบัติสำหรับความแตกต่างในเชิงบวก เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายเดียวกันด้วยเทคนิคและรูปแบบที่แต่ละคนได้เป็นตัวเองและได้ใช้ท่าที่ถนัดที่สุดในการทำภารกิจของแต่ละคน

อ้างอิง

https://greatplacetowork.com.sg/resource/go-silver-celebrating-our-older-employees/

https://janzz.technology/the-silver-workforce/

https://lineforbusiness.com/th-en/business-case-study/the-silver-age

https://www.gmprecruit.com/wp-content/uploads/2019/06/Debunking-Age-old-Myths.pdf

https://www.brandbuffet.in.th/2018/09/cmmu-insight-content-marketing-for-silver-age/

Tag:
No items found.
Share this post:
วสุธร หาญนภาชีวิน

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024