>
อย่าล้อเล่นกับ พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
April 30, 2021

อย่าล้อเล่นกับ พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

เมื่อพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 2562 ได้ถูกเลื่อนการบังคับใช้ออกไปจากเดิมจะมีผลตั้งแต่ 28 พฤษภาคม 2563 ไปเป็นมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2564 ท่ามกลางความโล่งอก และเสียงถอนหายใจของบริษัทห้างร้านต่างๆที่ส่วนใหญ่ที่ยังไม่มีความพร้อมเท่าใดนัก

แต่หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดคิดว่า กฎหมายเลื่อนออกไปทำให้เราไม่ต้องกังวลมากในการจะละเมิดหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของคนอื่น ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดอย่างมาก มีความสุ่มเสี่ยงอย่างมากที่จะนำไปสู่การกระทำผิดกฎหมาย เพราะการที่ได้ตรากฎหมายออกมาเป็น “พระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานและกิจการที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ปี พ.ศ. 2563” ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า การเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายที่เป็บพระราชบัญญัติจะทำได้ยากและเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้น จึงใช้การตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ยกเว้น การบังคับใช้กับหน่วยงานและกิจการแทน ย้ำนะครับว่า ยกเว้น การบังคับใช้กับหน่วยงานและกิจการ นั่นแปลว่า การบังคับใช้กับบุคคลทั่วไปยังคงมีผลบังคับใช้ ใครจะละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลคนอื่นไม่ได้ ซึ่งการรับรู้ของบุคคลทั่วไปทั้งกรณีของการไปทำการละเมิดหรือการปกป้องสิทธิในฐานะเจ้าของข้อมูลสส่วนบุคคลไม่ให้มีใครมาละเมิด ผู้เขียนเชื่อว่า ยังอยู่ในระดับที่น้อยถึงน้อยมาก

มีกรณีที่เกิดขึ้นที่ผู้เขียนรับรู้จากข่าวและที่เกิดขึ้นกับบุคคลใกล้ตัวที่ผู้เขียนรู้จัก และอยากจะนำมาเล่าเป็นอุทธาหรณ์ ดังนี้

กรณีแรก พนักงานชายร้านสะดวกซื้อดังและลูกค้าสาว

เหตุเกิดเนื่องจากในช่วงที่ COVID-19 ที่หน่วยงานภาครัฐได้ขอให้ผู้เข้าใช้บริการในร้านค้าต่างๆต้องบันทึกการเข้าออกในรูปแบบการ Scan QR Code ไทยชนะ หรือ ใช้การแจ้งชื่อ เบอร์โทรศัพท์เพื่อให้มีสามารถติดต่อได้หากเกิดเหตุการระบาดของ COVID-19 ในพื้นที่บริเวณนั้น ซึ่งลูกค้าสาวรายหนึ่งได้ทำตามตามแนวทางของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด โดยลงชื่อจริงและเบอร์มือถือของเธอในสมุดจดที่ร้าน

ผลที่ตามมาก็คือ หลังจากนั้นไม่กี่วัน ได้มีผู้ชายที่เธอทราบภายหลังว่าเป็นพนักงานของร้านสะดวกซื้อที่เธอเคยไปลงชื่อเอาไว้ทักมาทางไลน์ว่า “มีแฟนหรือยังครับ” ซึ่งคาดการณ์ได้ว่า น่าจะเป็นการนำเบอร์โทรศัพท์มือถือของเธอไป Search หาช่งอทางการติดต่อผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ แล้วทักเข้ามา

เท่าที่อ่านจากข่าวลูกค้าสาวท่านนี้มีการปรึกษาผู้รู้ ปรึกษาเพื่อน แต่ไม่มีข้อมูลว่าได้แจ้งความเพื่อดำเนินการทางกฎหมาย

กรณีที่สอง พนักงานรักษาความปลอดภัยประจำสวนสาธารณะและนักวิ่งสาว

เป็นกรณีที่เกิดกับน้องที่ทำงานปัจจุบัน น้องเป็นเด็กสาวหน้าตาดีชอบออกกำลังกายด้วยการวิ่ง และไปวิ่งเป็นประจำที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งของจังหวัดระยอง เป็นสวนที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก และก็เช่นกับกรณีแรก ที่น้องก็ปฎิบัติตนเป็นพลเมืองที่ดี ที่พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐในการต่อสู้กับ COVID-19 ด้วยการกรอกข้อมูลก่อนเข้าไปวิ่งในสวนสาธารณะดังกล่าวทั้งชื่อจริงและเบอร์โทรศัพท์มือถือในสมุดที่วางไว้ที่ป้อมยาม มีพนักงานรักษาความปลอดภัยคอยดูแล

ผลที่ตามมาก็คือ น้องไม่ได้ไปวิ่งอีกหลายวัน แล้วจู่ๆก็มีผู้ชายทักมาทางไลน์ว่า “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ไม่เห็นมาวิ่งหลายวัน เป็นห่วงนะครับ” ซึ่งน้องทราบจากข้อมูลว่า เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ประจำอยู่ในสวนที่เธอไปวิ่งเป็นประจำ และจากเรื่องที่น้องเจอทำให้น้องไม่กล้าไปวิ่งที่สวนสาธารณะแห่งนั้นอีกเลย

ผู้เขียนทราบเรื่องและได้ถามน้องว่า อยากจะดำเนินการทางกฎหมายหรือไม่ แต่น้องบอกว่า ไม่อยากเอาเรื่องเพราะห่วงความปลอภัย ซึ่งผู้เขียนก็เคารพการตัดสินใจของน้อง

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากทั้งสองกรณี

ถึงแม้ว่า ทั้งสองกรณีจะไม่มีการแจ้งความดำเนินดคีทางกฎหมาย แต่ผู้เขียนมองว่าเป็นกรณีที่สังคมน่าจะได้เรียนรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องดังนี้

1. การรักษาสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ต้องถือว่า การคุ้มครองข้อมูลสส่วนบุคคลในบ้านเราเป็นเรื่องใหม่ แม้แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเองก็ยังไม่เข้าใจหรือไม่ได้ตระหนักว่า ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองนั้นมีความสำคัญมากแค่ไหน ทำให้เมื่อเกิดการละเมิดก็มักจะไม่แน่ใจ ไม่แน่ใจว่าตนเองจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งจากนี้ไป ภาครัฐเองจะต้องสื่อสารเรื่องนี้ให้มาก รวมทั้งหน่วยงานที่มีความพร้อมก็ควรสื่อสารให้กับคนในองค์กรเกิดการตระหนักเรื่องนี้ให้มาก

2. การให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวมข้อมูลและการเก็บรวบรวมข้อมูลบุคคลด้วยฐานอื่น

โดยหลักการที่กฎหมายคุ้มครองในการเก็บรวบรวมข้อมูลจะต้องมีการขอความยินยอมและได้รับการยินยอมก่อน ยกเว้นกรณีที่เป็นการเก็บรวบรวมด้วย “ฐานอื่น” เช่น ด้วยการบังคับทางกฎหมายอย่างกรณี COVID-19 ก็จะมีกฎหมายสองฉบับคือ พรก.สถานการณ์ฉุกเฉินและพรบ.โรคติดต่อให้หน่วยงานสามารถเก็บข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

3. ความรับผิดในฐานะบุคคล

สิ่งที่ทั้งพนักงานร้านสะดวกซื้อและพนักงานรักษาความปลอดภัยได้ทำลงไป เป็นการกระทำที่ผิดต่อพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพราะเป็นการนำข้อมูลไปใช้ไม่ได้รับความยินยอมจากลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลก่อน เป็นการนำข้อมูลส่วนบุคคลของไปใช้โดยไม่ชอบ ผิดต่อวัตถุประสงค์ เพราะการให้ข้อมูลดังกล่าวเป็นการกระทำตามมาตราการของรัฐเพื่อป้องกันโรคระบาด COVID-19 เท่านั้น โดยการกระทำของบุคคลทั้งสองมีความผิด ผิดตามมาตรา 27 มีโทษทางอาญาคือ จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

4. ความรับผิดในฐานะองค์กร

เนื่องจากการรับผิดของหน่วยงานที่เป็นนายจ้างของพนักงานร้านสะดวกซื้อและนายจ้างของพนักงานรักษาความปลอดภัยในฐานะหน่วยงานที่ต้องบริหารจัดการถูกเลื่อนออกไปตามพระราชกฤษฎีกาที่กล่าวไปตอนต้น แต่ถ้าหากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นภายหลังวันที่ 1 มิถุนายน 2564  การรับผิดต่อการละเมิดจะไม่ได้จบลงแค่ตัวพนักงานสองคนนี้ แต่นายจ้างจะถูกตรวจสอบต่อว่า ได้มีการดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และลบทำลายได้ครบถ้วนถูกต้องตามที่กฎหมายไว้หรือไม่ ถ้าไม่ หน่วยงานต้นทั้งสองหน่วยงานนี้มีความเสี่ยงที่จะถูกดำเนินการทางฎหมายที่ทางแพ่งและทางอาญา หากว่าไม่สามารถต่อสู้เพื่อพิสูขน์ให้เห็นได้ว่า หน่วยงานได้มีการวางนโยบาย ระบบ หรือกระบวนการไว้อย่างเพียงพอ

สิ่งที่ผู้เขียนอยากขอทิ้งท้ายไว้คือ อย่าล้อเล่นกับ พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นอันขาด เพราะผลที่ตามมาจะหนักหนาเกินกว่าที่หลายคนคาดการณ์เอาไว้

Tag:
No items found.
Share this post:
ดิลก ถือกล้า

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024