>
ติดปีกการเรียนรู้ด้วยสูตร 2+(3x3x3)
March 16, 2023

ติดปีกการเรียนรู้ด้วยสูตร 2+(3x3x3)

ปัจจุบันนี้ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และความท้าทายของตลาดและการแข่งขันทั้งทางสังคม และธุรกิจ รูปแบบในการทำงานที่เมื่อก่อนต้องทำแต่ที่สำนักงานอย่างเดียว กลายเป็นมีการจ้างงานแบบ Work Anywhere อีกทั้งความท้าทายในโลกของการจ้างงาน ไม่ว่าจะเป็นการย้ายงานครั้งใหญ่ การปะทะกันของ Generation ที่แตกต่างกันหรือการทำ Quiet Quitting (การทำแต่งานในหน้าที่ของตนเองเท่านั้น ไม่สนใจที่จะทำงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม) ของพนักงานที่เกิดขึ้นในองค์กร และองค์กรก็ได้มีการตอบโต้กลับไม่ว่าจะเป็นการ Quiet Firing (การไล่ผู้ที่มีผลปฎิบัติการ หรือมีวิธีการทำงานที่ไม่สอดคล้องกันกับองค์กรออกไปด้วยการการกดดันให้พนักงานลาออกจากงาน โดยใช้วิธีการหลากหลายรูปแบบ เพื่อทำให้พนักงานรู้สึกไม่ดีต่อการทำงานมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งทำให้พนักงานเป็นผู้ตัดสินใจยื่นใบลาออกด้วยตนเอง) หรือ Quiet Hiring (การที่บริษัทเพิ่มความสามารถและทักษะขององค์กรโดยใช้พนักงานในองค์กรที่มีอยู่เดิม โดยไม่จ้างงานพนักงานใหม่) สิ่งต่างๆเหล่านี้นั้นได้ทำให้โลกของการทำงานได้เปลี่ยนไปแบบตลอดกาล

ด้วยความเปลี่ยนแปลงที่กล่าวมาข้างต้นนั้นได้กระทบกับวิถีในการทำงาน รวมไปถึงทักษะต่างๆที่จำเป็นสำหรับพนักงานที่จำเป็นต้องมีการเรียนรู้สิ่งใหม่ ก่อให้เกิดการ Upskill คือการทำให้ทักษะนั้นๆดีขึ้น และ Reskill คือการเพิ่มเติมทักษะใหม่ๆที่จำเป็นต่อการทำงานให้มีพร้อมต่อการทำงาน ซึ่งการที่งานจำนวนมากมายที่ถูกคาดหมายหรือบางงานเปลี่ยนแปลงไปแล้วจากการมาของเทคโนโลยี ก็ส่งผลกระทบโดยตรงต่อทักษะที่จำเป็นของพนักงาน

เช่นในงานวิจัยของ McKinsey & Company ได้มีการวิจัยเพื่อหาทักษะต่างๆที่จะต้องใช้ในโลกยุคต่อไปซึ่งมีมากมายถึง 56 ทักษะโดยแบ่งได้เป็น 4 กลุ่มด้วยกันข่าวดีก็คือเราทุกคนไม่ได้ต้องการทั้ง 56 ทักษะนั้นพร้อมกันแต่อย่างไรก็ดีสิ่งนี้ทำให้เห็นว่าในโลกตอนนี้การ Reskill ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับทุกองค์กรเพราะงานจะต้องถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอนในโลกอนาคตภายภาคหน้าแต่ปัญหาก็คือหลายๆ คนและหลายๆบริษัทก็มีปัญหาในเรื่องของการ Reskill ที่ไม่ถึงเป้าหมายและหลายคนที่มีอุปสรรคในการเรียนรู้กับสิ่งใหม่ที่ไม่คุ้นเคย

ซึ่งเมื่อพูดถึงการเรียนรู้หลายๆที่ก็จะมองนึกไปถึงการส่งไปเรียนในทักษะต่างๆหรือได้ทำงานจริงหรือถ้าเป็นนักพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่พอมีประสบการณ์ก็อาจจะนึกถึงโมเดลการพัฒนาเรียนรู้ให้กับพนักงานโมเดลแรกสำหรับหลายๆคน น่าจะเป็นโมเดลยอดฮิตที่ใช้มาตั้งแต่กลางยุค 90 ของ Morgan McCall, Robert Eichinger,and Michael Lombardo อย่าง 70:20:10 ที่ใช้การเรียนรู้ในห้องเรียน 10% การเรียนรู้ผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 20% และการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริงอีก 70% ซึ่งถามว่าโมเดลนี้ยังใช้ได้ไหม ก็คงต้องบอกว่าก็แล้วแต่บริบทผู้คนและองค์กรแต่การจะให้มาจัดการเรียนรู้ในห้องเรียนในโลกยุคปัจจุบันก็อาจจะยากขึ้น เพราะวิถีในการเรียนรู้ของพนักงานก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกันประกอบกับความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว และไม่แน่นอนในโลกยุค VUCA และ BANI นี้การที่องค์กรจะคอยมานั่งจัดหลักสูตรการเรียนรู้ให้เป็นรูปแบบ 70-20-10 ทุกเรื่องๆก็ดูจะเป็นไปได้ในทางปฎิบัติน้อยลงทุกที

ดังนั้นการเรียนรู้ที่เริ่มต้นจากตัวผู้เรียนเองจึงเป็นคำตอบสำหรับการเรียนรู้ในเรื่องนี้โดยอาศัยการเรียนรู้แบบที่เรียกว่า Intentional learning ซึ่งมีผู้แปลไว้อย่างน่าสนใจว่าการเรียนรู้แบบโฟกัสซึ่งหากจะอธิบายว่าการเรียนรู้แบบโฟกัสนี้คืออะไร อาจจะสรุปให้เข้าใจได้ง่ายๆว่าเป็นการเรียนรู้แบบที่ตั้งต้นจากตัวผู้เรียนที่อยากที่จะรู้เข้าใจว่ารู้ไปเพื่ออะไร และเสริม Mindsetและทักษะที่ทำให้สามารถเรียนรู้ได้อย่างตรงจุดซึ่งการเรียนรู้แบบนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาจากสิ่งที่รู้สึกสนใจไปเป็นความเชี่ยวชาญทำให้พนักงานได้มีโฟกัสกับการเรียนรู้อย่างแท้จริงและสามารถรักษา passion ในการเรียนรู้ได้จนสำเร็จทักษะนั้นๆโดยที่ไม่ยอมแพ้ หรือถอดใจเลิกเรียนรู้ไปเสียก่อน

ซึ่งการเรียนรู้แบบโฟกัสนี้มีสูตรจาก Mckinsey ว่าเป็นสูตรแบบ 3x3x3 แต่ตัวผู้เขียนเองเห็นว่า จริงๆแล้วบทความของทาง Mckinsey ได้ให้ความสำคัญกับอีกสองเรื่องด้วยก่อนที่จะทำสูตรแบบ 3x3x3ทำให้สำหรับผู้เขียนเองขออนุญาตใช้เป็นสูตร 2+(3x3x3)เพื่อให้ครบถ้วนทั้งกระบวนการเรียนรู้

เริ่มต้นจาก 2 ก่อน 2 นี้มาจากทัศนคติพื้นฐานที่ต้องสร้างให้พนักงานมีเพื่อทำให้การเรียนรู้แบบโฟกัสเริ่มต้นขึ้น และจบได้ตามที่ตั้งใจ นั่นก็คือ Growth Mindset และCuriosity Mindset โดยทั้งสองมีรายละเอียดสั้นๆดังนี้

1. Growth Mindset (ทักษะการคิดแบบเติบโต) จะเป็นความเชื่อที่เน้นว่าคนเราสามารถเปลี่ยนแปลง พัฒนา ให้ดีขึ้นได้จากปัจจจุบันที่เป็นอยู่ และการมองความผิดพลาดเป็นสิ่งที่จะบอกว่าเราควรที่จะพัฒนาตัวเองอย่างไร โดยไม่มองว่าทุกสิ่งเป็นเรื่องที่“ไม่รู้”หากแต่จะมองว่าสิ่งต่างๆเป็นเรื่องที่ “ยังไม่รู้” ต่างหาก ซึ่งทัศนคตินี้จะช่วยให้เราหาคุณค่าความสนุกหรือ ความสำเร็จจากกระบวนการ มากกว่าผลลัพธ์ที่ได้เพียงอย่างเดียว

2. Curiosity Mindset (ทักษะในการสงสัยใคร่รู้) การสงสัยใคร่รู้นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นให้พนักงานเกิดความอยากที่จะเรียนรู้และสิ่งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความอยากเรียนรู้ และเป็นตัวเชื่อมให้ตัวผู้เรียนเองเริ่มออกหาคำตอบหาความรู้ อันจะนำมาซึ่งองค์ความรู้ต่างๆที่เขาจะได้เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง

ซึ่งทั้งสอง Mindset นี้บางคนอาจจะมีติดตัวมาจากประสบการณ์ส่วนตัวและการเรียนรู้ต่างๆที่ได้ประสบพบเจอในชีวิตหรือองค์กรอาจจะสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้เกิดสอง Mindset นี้ได้อาจจะเริ่มต้นจากการให้โอกาสได้ทำงานใหม่ๆ ให้โอกาสในการแสดงความคิดเห็นหรือมีเวทีที่ได้ลองใช้ทักษะความสามารถหรือได้ลองแก้ไขปัญหาจริงที่จะช่วยเร่งปฎิกิริยาให้เกิดขึ้น Mindset เหล่านี้ได้

ส่วน 3x3x3 นั้นมาจาก การวางแผนการเรียนรู้ให้ได้ผลดีเลิศนั้น

·       ตั้งเป้าหมายไว้ไม่เกิน 3 อย่าง

·       ภายในระยะเวลา 3 เดือน

·       มีเพื่อนหรือมีทีมที่สามารถช่วยสนับสนุนผู้เรียนรู้ได้อย่างน้อย 3 คน

ซึ่งการเรียนรู้แบบ 3x3x3 จะเป็นจำนวนการเรียนรู้ ระยะเวลาที่ผู้เรียนสามารถบริหารจัดการได้ไม่ยากจนเกินไปและสามารถที่จะมีแนวโน้มทำออกมาได้สำเร็จ โดยในรายละเอียดของแต่ละ 3 มีดังนี้

·       ตั้งเป้าหมายไม่เกิน 3 อย่าง - อย่างที่เราทราบกันดีว่าการมีเป้าหมายที่มากจนเกินไปจะทำให้ผู้เรียนรู้สึกเหนื่อยล้าเพราะต้องแบ่งพลังงานในการโฟกัสเรื่องสำคัญหลายๆเรื่อง นอกจากนี้ จะส่งผลต่อการจดจำเพราะเป้าหมายเยอะเกินไปจนลืมไปว่ากำลังตั้งใจทำอะไรอยู่กันแน่ แต่ในทางกลับกันถ้าหากมีเป้าหมายแค่อย่างเดียวก็อาจทำให้เราพลาดประสบการณ์ที่จะพัฒนาทักษะและความสามารถในการทำเป้าหมายอื่นๆให้เสร็จฉะนั้นวิธีที่ดีที่ทำให้เรายังคงโฟกัสและได้งานก็คือกำหนดเป้าหมายที่จะโฟกัสไม่เกิน 3 อย่าง ซึ่งเป็นจำนวนที่กำลังดีที่พอจะเฉลี่ยพลังงานและสมาธิในการจดจ่อและทำให้สำเร็จได้

·       กำหนดขอบเขตระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน - หากเราสังเกตดูรอบตัวเราเราจะพบว่า 3 เดือนเป็นระยะเวลาที่แสนจะยอดนิยมในการทำสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการ Free trial ของโปรแกรมการประเมินผลงานพนักงาน หรือแม้กระทั่งการทดลองงานซึ่งหากเราให้เวลาการเรียนรู้อยู่ที่ 3 เดือนผู้เรียนรู้จะสามารถบริหารจัดการตนเองให้เรียนรู้ได้จนครบลูปตั้งแต่การเรียนรู้ (Training) , การฝึกฝน (Practice) และการรับฟีดแบ็ค(Feedback)อีกทั้งระยะเวลา 3 เดือนก็เป็นระยะเวลากำลังดีที่ทำให้ทั้งผู้ทำไม่รู้สึกผลัดวันประกันพรุ่งและผู้ติดตามก็ยังไม่ลืมที่จะติดตามการเรียนรู้ของผู้เรียนโดยไม่ตกหล่นอีกด้วย

·       หาผู้สนับสนุน 3 คน - ผลสำรวจระบุว่าการบอกเป้าหมายของเราให้คนอื่นรับรู้ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการช่วยเหลือให้กำลังใจหรือเป็นกลุ่มคนที่สนใจอะไรคล้ายกับเราอย่างน้อย 3 คนจะยิ่งกระตุ้นให้เราบรรลุเป้าหมายได้ดีกว่า ทั้งนี้ก็จำเป็นที่จะต้องคัดเลือกกลุ่มคนกลุ่มนี้ให้ดีโดยควรเป็นคนที่ผู้เรียนรู้ไว้วางใจและพร้อมจะช่วยเหลือให้กำลังใจผู้เรียนรู้โดยไม่คอยบั่นทอนกำลังใจหรือคอยซ้ำเติมหากล้มเหลว และสามารถแชร์ความสำเร็จความก้าวหน้าและ Performanceแก่กันได้

อย่างไรก็ดีแนวทางการเรียนรู้แบบ 3x3x3 นั้น ไม่จำเป็นต้องทำให้ได้เป๊ะๆแบบ3 เป้าหมาย 3 เดือนหรือ 3 คน โดยมิอาจเปลี่ยนแปลงได้ หากแต่หัวใจสำคัญของการเรียนรู้แบบนี้คือการทำได้จริงแบบมีเป้าหมายที่ชัดเจน และทรงพลัง อันจะเป็นรากฐานของการเรียนรู้ที่ปลูกฝังทักษะในการเรียนรู้ตลอดชีวิต(Lifelong Learning) ให้เกิดขึ้นกับตัวพนักงานซึ่งหากมีทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตแล้วการที่จะ Reskill หรือ Upskillเรื่องใดๆในภายหน้าก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากอีกต่อไป

 

อ้างอิง

https://www.mckinsey.com/featured-insights/future-of-work/the-most-fundamental-skill-intentional-learning-and-the-career-advantage

https://www.mckinsey.com/featured-insights/themes/how-to-unlock-the-power-of-learning

https://www.mckinsey.com/capabilities/people-and-organizational-performance/our-insights/intentional-learning-in-practice-a-3x3x3-approach

https://www.mckinsey.com/industries/public-and-social-sector/our-insights/defining-the-skills-citizens-will-need-in-the-future-world-of-work

 

 

Tag:
No items found.
Share this post:
วัฒนศักดิ์ วิบูลย์ชัยกุล

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024