>
เตรียมรับมือกับ “โลกการทำงาน” ที่จะเปลี่ยนไปในปี 2022
December 8, 2011

เตรียมรับมือกับ “โลกการทำงาน” ที่จะเปลี่ยนไปในปี 2022

เด็กจบใหม่ชาว Generation Z หลายคนตอนนี้อาจ “ไม่ได้ทำงาน” แต่นั่นไม่ได้แปลว่า พวกเขากำลังนั่งอยู่บ้านเฉย ๆ เสมอไป.....ต้องยอมรับว่า นิยามของคำว่า “งาน” กำลังจะลดบทบาทลง บริษัทและคนจะโฟกัสที่ทักษะและผลงานที่ส่งมอบตามที่ตกลง รวมถึงมีการจ่ายผลตอบแทนแบบตรงไปตรงมามากขึ้น ความก้าวหน้าในงานขึ้นอยู่กับทักษะที่เพิ่มขึ้นและงานที่ส่งมอบได้ ไม่ใช่การได้โปรโมทขึ้นไปนั่งในตำแหน่งที่สูงขึ้นเพียงอย่างเดียวเหมือนแต่ก่อน ดังนั้น ในปี 2022 คงจะมีความเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างในที่ทำงานไปพร้อมๆกับ Hybrid & Digital Workplace ที่กำลังเกิดขึ้นมากมาย แต่ในวันนี้จะขอหยิบยกเทรนด์เด่นๆที่ถูกพูดถึงในหลายสำนักมาเล่าให้ฟังกัน

Trend 1: Career Motion จะเน้นเติบโตแนวทะแยงและมีมิติมากขึ้น

พนักงานคนหนึ่งอาจเริ่มงานด้วยการเป็นนักบัญชี แต่อาจค้นพบความสามารถและความสนใจจนทรานสฟอร์มอาชีพตัวเองเป็น digital marketer ก็ได้ การจ้างงานพนักงานสักหนึ่งตำแหน่งในปีนี้ปีหน้านั้นอาจจะไม่ได้เข้ามาเพื่อทำงานในบทบาทหน้าที่ที่ถูกกำหนดไว้ในคำบรรยายลักษณะงาน (job description) เลยก็ได้ แต่จะเป็นการรวมทักษะและความสามารถต่างๆเข้าด้วยกันเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆที่ยังมาไม่ถึงเกินจะคาดเดา งานจะวิวัฒนาการขึ้นเรื่อย ๆ ผู้บริหารและหัวหน้างานต้องแข่งกันด้วยความเร็วในการจัดการกับวิกฤตที่ไม่ได้อยู่ในแผนและคว้าโอกาสในการสร้างการเติบโตและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆให้กับธุรกิจ นอกจากนี้ คนจะกล้าเปิดเผยชีวิตส่วนตัวในที่ทำงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพต่างๆ โรคซึมเศร้า ปัญหาครอบครัว หรือแม้กระทั่งสถานการณ์ทางการเงิน ดังนั้น Career Growth ของแต่ละคนก็จะมีนิยามที่เปลี่ยนไปและมีมิติมากขึ้น

พนักงานอยากมีตัวเลือกให้กับอนาคตของตัวเองมากขึ้น สนใจอยากลองย้ายไปทำงานในบทบาทต่างๆใน cross function ด้านข้างมากกว่าเติบโตแนวตั้ง ต้องการพัฒนาทักษะหลากหลายด้าน ไม่ยึดติดกับหน้างานเดียว ส่งผลต่อการออกแบบโครงสร้างองค์กรในแบบ network of expertise ที่เปลี่ยนจากเดิมแบบ hierachy และพนักงานอยากมีอำนาจในการกำหนดอนาคตในอาชีพตัวเองมากกว่านั่งรอให้บริษัทกำหนด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อการลาออกหรือคงอยู่ของพนักงานด้วย

Trend 2: Career Transformation พนักงานยังลาออกเพิ่มขึ้น ไม่ใช่แค่เปลี่ยนนายจ้าง แต่เปลี่ยนสายงาน

ผู้บริหาร HR 55% เปิดเผยว่า อัตราการลาออกของพนักงานสูงขึ้นกว่าก่อนวิกฤตการณ์โควิด 19 จนบางที่เรียกว่าเป็น “Great Resignation” โดยเฉพาะผู้บริหารผู้หญิง ทั้ง ๆ ที่แนวโน้มของบริษัทนั้นกำลังมุ่งเป้าไปที่การให้ความสำคัญกับความแตกต่างและหลากหลายในองค์กร (Diversity & Inclusion) ซึ่ง “ผู้บริหารหญิง” เป็นกลุ่มแรก ๆ ที่องค์กรให้ความสำคัญ หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้คนกลุ่มนี้ตัดสินใจลาออก เนื่องจากพวกเธอถูกคาดหวังให้เป็นฮีโร่รับมือกับสถานการณ์หน้างานต่าง ๆ ปลอบโยนและดูแลทีมงานเสมือนครอบครัวในช่วงวิกฤต และยังต้องส่งมอบตัวเลขทางธุรกิจที่ไม่ทำให้คณะกรรมการผิดหวัง ดังนั้นเมื่อวิกฤตได้ซาลง ไม่ตกใจแตกตื่นเหมือนตอนแรก คนเหล่านี้ก็เหมือนคนที่เพิ่งผ่านสงครามมาเกือบสองปีเต็มๆ พอเริ่มสงบลง ก็เลยได้เวลาคิดทบทวนเกี่ยวกับบทบาทและความรับผิดชอบของตัวเองที่ผ่านมาหลายคนจึงเลือกที่จะหาโอกาสใหม่ๆให้กับตัวเองแม้จะทำผลงานได้ดีในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ การลาออกครั้งนี้ของพนักงานหลายคนยังเป็นการตัดสินใจเปลี่ยนสายอาชีพ (career) ไปทำในสิ่งที่มีความหมาย หรือสนใจที่จะพัฒนาตนเอง ไม่ใช่แค่เปลี่ยนนายจ้าง (employer) เท่านั้น....แต่ในขณะนี้ การสรรหาคนที่มีความสามารถมาทดแทนนั้นทำได้ยากขึ้น เนื่องจากการจะสรรหาคนผ่านระบบออนไลน์ คุยกันผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยที่ไม่เคยเจอตัวจริง หรือไม่เคยมาที่บริษัทเลย แล้วจะโน้มน้าวให้ตัดสินใจเปลี่ยนงานนั้นอาจท้าทายสำหรับ Recruiter และหัวหน้างานหลายคนในการสร้าง Trust และความสัมพันธ์ที่ดีผ่านโลกดิจิทัล ดังนั้น ประสบการณ์ที่ดีของผู้สมัครงาน (Candidate Experience) จึงเป็นอีกเรื่องที่องค์กรควรให้ความสำคัญอย่างมากเพื่อดึงดูดคนเก่งเข้ามาทำงานกับองค์กร

ดังนั้น หลายองค์กรเลือกที่จะไม่เพิ่มเงินเดือนให้สูงขึ้น แต่กลับสู้ด้วยสวัสดิการที่ตอบโจทย์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวันลาเพื่อดูแลพ่อแม่ ทุนการศึกษาลูก ชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น หรือ option ในการทำงานที่บ้าน เพื่อรักษาพนักงานที่มีความสามารถเอาไว้กับองค์กรให้ได้มากที่สุด

Trend 3 : พนักงานจะคาดหวังในสวัสดิการระยะสั้น (Short-Term Benefits) มากขึ้น โดยเฉพาะสุขภาพจิตและการเงิน (Health & Financial Wellbeing)

จากการศึกษาของ The Hartford’s Future of Benefits Study พบว่า พนักงานในปัจจุบันไม่ได้คาดหวังสวัสดิการรักษาพยาบาลหรือประกันชีวิตเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่กลับให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่เฉพาะหน้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสายด่วนพนักงาน (56%) วันหยุดวันลา (52%) หรือบริการปรึกษานักจิตวิทยา (51%) ซึ่งการสำรวจของบริษัทที่ปรึกษา Mercer ในปี 2021 ได้ยืนยันว่า สุขภาพจิตของพนักงานจะเป็นเรื่องที่องค์กรให้ความสำคัญสูงสุดในอีก 3-5 ปีข้างหน้า โดยหนึ่งในเรื่องที่ทำให้พนักงานเครียดมากที่สุด คือเรื่องสุขภาพทางการเงิน (Financial Wellbeing)

Trend 4 : Digital Experience (DX) จะเป็นปัจจัยสร้าง Employee Engagement

จากการสำรวจของ Qualtrics ใน 27 ประเทศ พนักงานที่ได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยีที่ช่วยในการทำงาน มีระดับความผูกพันต่อองค์กรมากกว่าพนักงานทั่วไปถึง 67% ในความเป็นจริงหลายองค์กรอาจกำลังเถียงอยู่ในใจว่าบริษัทได้ลงทุนใช้ซอร์ฟแวร์ที่ดีที่สุดในตลาด หรือจัดหาโน้ตบุ้ครุ่นใหม่ล่าสุดมาให้พนักงานแล้ว แต่ต้องอย่าลืมว่า ประสบการณ์ของพนักงานที่มีต่อการทำงานบนโลกดิจิทัล หรือที่เรียกว่า Digital Employee Experience (DEX) นั้น ไม่ใช่แค่การทำแบบครั้งเดียวจบ แต่ต้องเป็นวัฒนธรรมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งคนและเทคโนโลยีไปพร้อม ๆ กัน

Lakeside บริษัท ซอร์ฟแวร์ เปิดเผยว่า พนักงานกว่า 80% มีปัญหาเกี่ยวกับการใช้ระบบและอุปกรณ์ IT ระหว่างที่ทำงานที่บ้านแต่ไม่ได้รายงานให้ทีม IT ทราบ หรือแม้กระทั่งบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook ที่ตอนนี้ทรานสฟอร์มตัวเองไปอีกขั้นเป็น Metaverse แล้วนั้นก็ได้เคยประสบเหตุการณ์ outage ครั้งใหญ่ในช่วงที่มีพนักงานเพียง 25% เท่านั้นที่เข้ามาทำงานที่ออฟฟิศ ส่งผลให้การแก้ปัญหาล่าช้าในการให้ทีมเทคนิคเข้าถึงระบบและแก้ไขได้ทันเวลา ดังนั้น หากมีเครื่องมือแต่ใช้ไม่เป็น หรือมีแต่ข้อจำกัดในการใช้ ย่อมส่งผลทางลบต่อประสบการณ์ของพนักงานต่อเทคโนโลยีในการทำงาน แล้วยังส่งผลต่อความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร และผลลัพธ์ทางธุรกจอีกด้วย

สี่เทรนด์เด่น ๆ ที่หยิบยกมานี้ อยากให้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของไอเดียที่ HR แต่ละองค์กรต้องนำไปพูดคุย “ต่อยอดไอเดีย” ผนวกกับการใช้ข้อมูลจริงขององค์กรในการวางแผนบริหารและพัฒนานโยบายและระบบต่าง ๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์คนทำงานในปี 2022 นี้ และส่งมอบคุณค่าทางธุรกิจที่ HR มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เติบโตทั้งความสามารถขององค์กร พนักงานที่มีคุณภาพ และผลลัพธ์ตามที่ผู้บริหารและพนักงานฝากความหวังไว้

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อ้างอิง

https://techhq.com/2021/10/facebooks-outage-highlights-the-big-problem-with-the-remote-work-policy/

https://info.mindedge.com/mindedge-hrci-workplace-uncertainty-survey-2021

https://success.qualtrics.com/rs/542-FMF-412/images/Qualtrics%20-%202022%20Employee%20Experience%20Trends%20Report.pdf

https://www.businesswire.com/news/home/20200818005456/en/

https://www.mercer.us/our-thinking/healthcare/employers-focus-on-benefit-improvement-not-cost-cutting.html

Tag:
No items found.
Share this post:
วสุธร หาญนภาชีวิน

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024