>
BOOST พลังใจให้ตัวเองอย่างไร ในช่วงที่ต้อง WORK FROM HOME
August 12, 2021

BOOST พลังใจให้ตัวเองอย่างไร ในช่วงที่ต้อง WORK FROM HOME

ในช่วงโควิดระบาดรอบที่ 3 ความรู้สึกหรือความท้าทายที่คนทำงานประจำมีเหมือนๆ กันก็คือ ช่วง WFH มีผลการปฏิบัติงานที่ต่ำลง ไม่สามารถบังคับตัวเองได้ ทำแต่สิ่งที่อยากทำ ทั้งๆ ที่รู้ว่าต้องทำอะไร แต่ยังไม่อยากทำ เลยทำให้ไม่บรรลุเป้าหมาย เริ่มมีความรู้สึกไม่เติมเต็ม เพราะขาดความสำเร็จ ไม่ได้ตามเป้า ได้แต่ “จับมันตั้งแล้วนั่งดูมันล้ม” และคนส่วนใหญ่ก็ตระหนักว่า ปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้ เพราะชีวิตต้องดำเนินต่อไปเป้าหมายจะต้องบรรลุ

ในเรื่องของการตั้งเป้าหมาย มีคนเพียง 8% ที่สามารถบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ ที่เหลือ 92% ไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่โควิดระบาดและไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ งานตัวเองก็ต้องทำ งานบ้านก็ต้องทำ ลูกๆ ก็ต้องดูแล ทำให้ระดับความเครียดในใจมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน และเฝ้ารอวันว่าเมื่อไหร่จะจบ แต่เมื่อชีวิตต้องดำเนินต่อไป ด้วยความคิด “ยอมรับ ปรับใจ ไปต่อ” จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แน่นอน คำถามคือจะทำอย่างไรให้มีพลังใจเกิดขึ้นได้ทุกๆ วัน ผู้เขียนขอนำเสนอหลักคิด ที่จะ BOOST พลังตัวเองด้วยหลัก 5 ข้อต่อไปนี้

Belief (ความเชื่อ) คือ เมื่อตั้งเป้าหมายหรือได้เป้าจากหัวหน้ามาแล้วจะต้องไม่ลังเล ต้องเชื่อว่ามันเป็นไปได้ สำเร็จได้ แม้ว่าความมั่นใจจะลดต่ำลงในสถานการณ์ช่วงโควิดก็ตาม ไมเคิล โบลดัก (Michael Bolduc) ได้อ้างถึงคำพูดของ ไบรอัน เทรซี่ (Brian Tracy) ไว้ในคลิปของเขาว่าเราไม่จำเป็นต้องมีความมั่นใจ 100% มีแค่เพียง 50% ก็เพียงพอ แต่สิ่งสำคัญคือความมุ่งมั่น (commitment) ที่จะพาเราไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายได้ การมีความเชื่อทำให้เกิดความรู้สึกที่เป็นพลังบวกในใจ มีความหวัง ความเชื่อที่มั่นคง ทำให้เกิดความเชื่อมั่นที่จะลงมือทำต่อไป   แค่เชื่อว่าทำได้…เราก็จะทำได้ ความเชื่อช่วยปลดล็อคศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเราให้ออกมาอย่างเต็มที่ เรงจึงไม่ควรดึงความเชื่อด้านลบเข้ามา เช่น ช่วงนี้ดวงตก ปีชง ฯลฯ ความเชื่อเหล่านี้จะดึงจิตเราลง พลังข้างในก็ลดลงตาม สิ่งที่ตามมาคือ ลดเป้า หรือล้มเลิก และสิ่งที่ตามมาจากความคิดลบคือ โทษคนอื่น หาข้ออ้าง ฯลฯ เป็นต้น ท่านผู้อ่านสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับความเชื่อที่นำไปสู่ความสำเร็จได้จากเวบไซต์ รวมถึงคำคมต่างๆ ที่จะช่วยเตือนใจ รักษาระดับความเชื่อของเราไว้ และช่วยเปลี่ยนความคิด คำพูดและการกระทำไปสู่ด้านบวกที่ส่งพลังออกมาจากข้างในนำไปสู่ความสำเร็จที่งดงาม

Opportunity (โอกาส) หมายถึง มองหาโอกาสในวิกฤติ มองหาวิธีที่จะทำให้สำเร็จ มากกว่ามองเห็นแต่ปัญหา ซึ่งเมื่อมองหาโอกาสก็จะเห็นทางเลือก (options) ให้เราสามารถเลือกวิธีที่ดีที่สุดได้  เช่น การตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้งานเสร็จ? มีวิธีไหนที่จะช่วยทำให้งานนี้เสร็จเร็วขึ้นบ้าง? มีใครช่วยเราได้บ้าง? เป็นต้น หลังจากนั้นเราก็เริ่มหาคำตอบที่จะช่วยให้เราเริ่มเห็นทางออก เริ่มมีกำลังใจในการลงมือทำให้สำเร็จได้

Outcome (ผลลัพธ์) ผลลัพธ์ที่เราคิดถึงตลอดเวลาจะเป็นตัวกระตุ้นให้เราลงมือทำอย่างต่อเนื่อง หาวิธีทำให้ดีที่สุด เพื่อผลลัพธ์นั้น โดยหลักแล้วเมื่อเพิ่มแรงจูงใจผลลัพธ์ก็จะดีขึ้น ดังนั้น ผลลัพธ์ที่เราต้องการก็สามารถเป็นแรงจูงใจให้เรามีพลังจากข้างในลุกขึ้นมาทำให้เสร็จได้เช่นกัน ผลลัพธ์ที่ชัดเจนยังช่วยให้เรามีพลังที่จะเปลี่ยนวิธีการเมื่อเจอกับอุปสรรคเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เดิมที่ต้องการ

Stimulus (สิ่งจูงใจ) หาสิ่งที่เป็นแรงกระตุ้นให้ลงมือทำ แม้ว่า การคิดถึงผลลัพธ์จะช่วยกระตุ้นให้เราลุกขึ้นมาทำงานให้เสร็จ แต่อาจจะยังไม่พอที่จะฉุดใจให้มีพลัง เพราะว่า “กาย” เป็นนาย “ใจ” เราสามารถหาสิ่งที่สร้างแรงกระตุ้น เช่น เราจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จ เพื่อจะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่นที่เรารัก ตัวอย่างที่ทุกคนมีโมเม้นท์นี้ก็คือ สัปดาห์หน้าเราจะพักร้อน เรามักจะมีพลังเคลียร์งานที่ต้องทำจนเสร็จ ไม่มีงานค้าง ทำไมเราทำได้? พลังมาจากไหน? แล้วทำไมเรามักทำงานไม่ค่อยเสร็จก่อนหยุดเสาร์-อาทิตย์ พอคิดย้อนไป เริ่มเห็นภาพว่า จริงๆ แล้ว เรามีความสุขรออยู่ข้างหน้า ซึ่งเป็นแรงกระตุ้นให้เราทำงานให้เสร็จ เพื่อเราจะได้มีเวลาเที่ยวได้อย่างเต็มที่ ผู้อ่านสามารถหาวิธีของแต่ละคนที่จะใช้กระตุ้นให้เรามีพลังจากข้างในเพื่อ “ทำในสิ่งที่ต้องทำเพื่อจะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ”

Transformation (การเปลี่ยนแปลง) เมื่อเราตั้งเป้าหมายไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างถาวรและเป็นสิ่งที่เราบอกกับตัวเองว่าเราจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม นิสัยเดิม กลายเป็นคนใหม่ ที่มีทักษะใหม่ๆ ฯลฯ ความคิดที่จดจ่อกับสิ่งเหล่านี้จะเป็นแรงผลักดันให้เราไม่หยุดที่จะลงมือทำอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราไม่ท้อแท้ แม้ว่าจะต้องทำซ้ำๆ จนรู้สึกเบื่อบ้าง แม้ว่าจะมีอุปสรรคต่างๆ เข้ามาก็ตาม เราสามารถชนะคนที่เป็นตัวเราในเมื่อวานได้อย่างราบคาบ ดังนั้น หากเรามีครบทั้ง 4 ข้อข้างต้นแล้ว ข้อนี้ก็สามารถกระตุ้นพลังจากข้างในได้ สามารถช่วยเตือนเราอยู่เสมอว่า เรากำลังทำสิ่งนี้อย่างมุ่งมั่นเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเราอย่างคนที่มีวินัย และจะไม่มีวันล้มเลิกเด็ดขาด

หากเราสามารถ B.O.O.S.T. ตัวเองให้มีความสำเร็จในทุกวัน เติบโตทางความคิด ก้าวหน้าในทักษะ ฯลฯ เราจะมีความสุขในตอนค่ำ เห็นคุณค่าของตัวเอง เอาความสำเร็จมาหนุนนอนอย่างมีความสุข สิ่งสำคัญที่สุด คือ หากเรารู้ตัวเราเองว่า ‘โรคเลื่อน’ เกิดขึ้นเพราะอะไร มีเหตุผลเพียงพอ เช่น มีสิ่งที่สำคัญมากกว่าเข้ามาแทรก ก็ยอมรับและปรับลำดับความสำคัญ ปรับเปลี่ยนวิธีการใหม่ มองหาว่าใครช่วยเราได้บ้าง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ เมื่อทำเต็มที่แล้ว ให้เรา “อยู่กับปัจจุบัน ฝันถึงอนาคต ไม่โทษวันวาน” ขอให้ทุกท่านอยู่ในกลุ่ม 8% ที่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายในทุก ๆ วัน

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Reference: Science Says Only 8 Percent of People Actually Achieve Their Goals.

ไมเคิล โบลดัก Michael Bolduc วิธีเพิ่มรายได้ 10 เท่า จาก ไบรอัน เทรซี่

Tag:
No items found.
Share this post:
นพพร โสวรรณะ (หนุ่ย)

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024