>
การศึกษา HR Competency รอบที่ 8:นำความต้องการมาสู่การลงมือทำ (บทความบทที่ 3/5)
September 2, 2021

การศึกษา HR Competency รอบที่ 8:นำความต้องการมาสู่การลงมือทำ (บทความบทที่ 3/5)

ตั้งแต่ปี 1987 การศึกษาเรื่อง HR Competency นำโดย Dave Ulrich และเพื่อนร่วมงานที่ทำงานด้วยกันที่ Ross School ที่ University of Michigan ได้รวบรวมข้อมูล Competency ของวิชาชีพ HR ทุกๆ 5 ปี โดยในแต่ละรอบจะพบว่าคนส่วนใหญ่ในวิชาชีพ HR มีความกระตือรือร้นอยากรู้ว่า Competency ได้เปลี่ยนไปอย่างไร และจากนี้ไป อะไรที่พวกเขาจะต้องทำที่แตกต่างจากเดิม รอบการศึกษาครั้งล่าสุดได้เสร็จสมบูรณ์ลงในช่วงปี 2021 ในช่วงเวลาที่กำลังเกิดผลกระทบอย่างรุนแรงจากสถานการณ์โรคระบาด และการประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวเพิ่งผ่านพ้นไปแต่ผลกระทบยังคงมีให้เห็น ด้วยการร่วมมือจากองค์กรด้าน HR 19 องค์กรทั่วโลก เราได้รวบรวมการประเมินจากผู้เข้าร่วม 25,000 คนที่เป็นคนในวิชาชีพ HR ประมาณ 3,600 คนจากทั่วโลก ดังนั้น ถือได้ว่า เป็นการกลับไปมองลงในรายละเอียดของ HR Competency ที่ช่วยขับเคลื่อนผลสำเร็จของบุคคลและผลสำเร็จทางธุรกิจ แต่ก่อนที่เราจะนำเสนอ Competency ตัวใหม่ ในเบื้องต้นเราอยากจะขอนำเสนอว่า Competencies คืออะไร และมันถูกกำหนดขึ้นมาอย่างไร

เราสามารถคิดถึง Competency ในลักษณะเป็นรูปแบบของพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกันที่จะทำให้เรามองเห็นหลักฐานของความรู้ ทักษะ หรือ ความสามารถที่ซ่อนอยู่ และมีข้อสังเกตว่า ในขณะที่ Competency ชี้ให้เห็นว่าแต่ละบุคคลมีบุคลิกลักษณะเฉพาะของตัวเอง Competency ก็เป็นตัวชี้วัดในมุมที่ว่าแต่ละบุคคลได้ทำอะไรจริงๆในเชิงของพฤติกรรมที่บุคคลคนนั้นได้แสดงออกมา ดังนั้น โดยเนื้อแท้แล้ว Competency เป็นการมุ่งไปที่การลงมือทำ เราได้กำหนด Competencyในรอบนี้แยกเป็น 2 ช่วงคือ

ช่วงแรก ดังที่ได้กล่าวไปตอนต้น เราได้รวบรวมผลการประเมินในด้านที่เกี่ยวข้องพฤติกรรมที่ HR มืออาชีพที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้แสดงออกมากกว่า 80 พฤติกรรม จากนั้นเราได้นำผลการประเมินเหล่านั้นมาแปลงด้วยเครื่องมือทางสถิติที่เรียกว่า “Factor Analysis” ซึ่งเทคนิคนี้จะทำให้เราได้เห็นว่า พฤติกรรมแต่ละพฤติกรรมสัมพันธ์กับพฤติกรรมตัวอื่นที่เหลืออย่างไร โดยพยายามที่จะกำหนดกลุ่มของ Competency ที่ดูเหมือนจะไปกันได้กับพฤติกรรมใดและไปกันไม่ได้กับพฤติกรรมใด ต่อจากนั้น เราก็ไปดูพฤติกรรมที่อยู่ในแต่ละกลุ่มพฤติกรรมและตั้งชื่อที่สะท้อนสาระหลักร่วมกัน หนึ่งในข้อพิจารณาสำคัญในรอบการศึกษารอบนี้ก็คือ การกำหนดชื่อของปัจจัยที่อยู่บน “การลงมือทำ” มากกว่าอยู่บน “บทบาท” ที่เขาอาจจะมีการเขียนพรรณาไว้ เราต้องการที่จะได้ Competency แต่ละ Competency ที่ระบุว่า HR มืออาชีพจำเป็นต้องลงมือทำอะไร เราได้จัดทำแผนภาพและคำนิยามดังภาพได้ดังภาพข้างท้ายนี้

ช่วยเร่งเครื่องการดำเนินธุรกิจ (Accelerates Business)

จะพูดถึงมิติด้านต่าง ๆ ที่ HR มืออาชีพได้มุ่งเน้นเพื่อสร้างความมั่นใจว่าธุรกิจจะประสบความสำเร็จ โดยในเบื้องต้นแต่ละบุคคลจะต้องเข้าใจสภาพแวดล้อมขององค์กร เข้าใจว่าองค์กรแข่งขันในตลาดอย่างไร และองค์กรสร้างมูลค่าให้เกิดกับลูกค้าอย่างไร นำมาซึ่งการต้องใช้ความรู้ในการโน้มน้าวการตัดสินใจและโน้นน้าวผู้มีอำนาจตัดสินใจที่ช่วยสร้างกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ การที่ HR มืออาชีพได้ติดอาวุธด้วยความรู้และการโน้มน้าวจะทำให้มี Competency ที่จะรู้วิธีการที่จะจัดลำดับความสำคัญของความต้องการเพื่อจะส่งมอบผลลัพธ์ที่ต้องการ ท้ายที่สุด Competency นี้จะนำไปสู่ความรู้และวิธีการที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในแบบที่องค์กรต้องการเพื่อบรรลุผลสำเร็จ

ยกระดับให้กับศักยภาพของคน (Advances Human Capability)

จะมุ่งเน้นในเรื่องการเข้าใจถึงความสามารถของคนที่จำเป็นสำหรับองค์กรในการตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อความต้องการของสภาพแวดล้อมที่มีความแข่งขัน สิ่งนี้ได้นำไปสู่เรื่องเหล่านี้คือ

  • ประการแรก คือ การสร้างความมั่นใจว่า เราได้มีการพัฒนากลุ่ม Talent ที่มีความหลากหลายได้ทุกกลุ่มที่มีอยู่ในองค์กร
  • ประการที่สอง HR มืออาชีพเหล่านี้จะรู้ว่าแนวปฏิบัติแบบไหน ระบบอะไร และโครงสร้างแบบไหนที่จะสนับสนุนได้อย่างมีประสิทธิภาพในการสร้างศักยภาพที่จำเป็นต่อองค์กรเพื่อจะสร้างความแตกต่างไปจากตลาดที่มีอยู่
  • ประการที่สาม Competency ได้นำมาซึ่งความสามารถที่จะรู้วิธีการในการสร้างวัฒนธรรมที่เกื้อหนุนให้เคารพความหลากหลาย สร้างความเท่าเทียม และสร้างการยอมรับกันและกัน

ทั้งนี้ Competency 2 ข้อที่กล่าวไปข้างต้นจะแสดงให้เห็นถึงบทบาทในขั้นต้นของการเร่งผลประกอบการทางธุรกิจผ่านการยกระดับศักยภาพของคนในองค์กร ซึ่งจะเชื่อมโยงไปถึง Competency อีก 3 ข้อถัดไปที่จะเปรียบเสมือนเป็น “เส้นทาง (Pathway)” ที่ทำให้ HR มืออาชีพสามารถที่จะทำสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้น

ฟูมฟักการร่วมมือกัน (Fosters Collaboration)

จะแสดงถึงแนวทางที่บุคคลคนหนึ่งสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ไว้เนื้อเชื่อใจกันเพื่อสามารถที่จะนำทางอย่างมีประสิทธิภาพให้การทำงานสำเร็จได้  โดย

  • ประการแรก การสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นจะเริ่มต้นด้วยความสามารถของบุคคลในการบริหารตนเองโดยเปิดใจกว้างยอมรับการให้ Feedback และแสดงออกด้วยความเชื่อมั่น ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความซื่อสัตย์ และความมีจริยธรรม
  • ประการที่สอง การฟูมฟักความสัมพันธ์จะนำไปสู่การเกิดความไว้วางใจ การทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และการให้คุณค่ากับคนในองค์กรที่แตกต่างกันทั้งในด้านของระดับตำแหน่งงาน ระดับของทักษะความสามารถ หน้าที่ความรับผิดชอบ พื้นฐานวัฒนธรรม  

สภาพแวดล้อมในปัจจุบันได้ถูกหล่อหลอมด้วยการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเทคโนโลยีแบบมหึมา ความสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลบ่งบอกถึงขอบเขตที่ใครบางคนสามารถนำพาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ โดยที่ Competency ตัวนี้ประการแรกจะแสดงให้เห็นว่าบุคคลคนหนึ่งจะสามารถคาดการณ์การเกิดนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีเพื่อที่จะได้มาซึ่งข้อมูล นำมาวิเคราะห์ และปรับใช้เพื่อช่วยให้การตัดสินใจดีขึ้น ประการที่สอง ด้วยความท้าทายของสภาพสังคมในปัจจุบันเป็นต้นว่า มลภาวะ การเหยียดเชื้อชาติ ความขัดแย้งทางการเมือง และวิกฤติด้านสุขภาพ Competency นี้จะนำไปสู่การคาดการเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงและสามารถแนะแนวทางเกี่ยวกับมาตรการเพิ่มศักยภาพของคนที่จะตอบสนองเหตุการณ์เหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำเรื่องซับซ้อนให้เป็นเรื่องง่าย (Simplifies Complexity)

จะเชื่อมโยงถึงความสามารถที่จะกลั่นกรองปริมาณข้อมูลที่มีจำนวนมาก และเปลี่ยนแปลง และตอบสนองอย่างสงบนิ่งต่อประเด็นที่มีความสำคัญอย่างที่สุด ส่วนหนึ่งของ Competency ตัวนี้เน้นที่การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) มากกว่าการคิดแบบง่ายๆในการสนองตอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ล่าสุด หรือ เร่งรีบที่จะทำตามแนวโน้มใหม่ๆทางด้าน HR กับอีกส่วนหนึ่งของ Competency ตัวนี้จะผูกโยงโดยตรงไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขึ้นในช่วงปี 2020-21 และแสดงให้เห็นว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ทั้งไม่มีความแน่นอนสูง ทั้งมีวิกฤติที่อันตราย เราจะกุมบังเหียนความท้าทายเหล่านี้เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกในองค์กรได้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาตัวแบบนี้เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น ปัจจัยด้าน Competency ที่ได้จากข้อมูลที่ได้มาเป็นการแสดงถึง “อะไรคือ (what is)” ความเป็นจริงของ HR มืออาชีพ อย่างไรก็ตาม คำถามที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ “อะไรที่ควรจะ (what should be)” เป็นความเป็นจริง เช่น Competency เหล่านี้จริงๆแล้วมีความเชื่อมโยงไปถึงการวัดผลการดำเนินการขององค์กรหรือไม่?

เราวัดผลการดำเนินการใน 4 มิติ คือ ประสิทธิภาพส่วนบุคคลจะประเมินว่า ผู้ทำการประเมินที่มีประสิทธิภาพได้ประเมินความเป็น HR มืออาชีพในบทบาทของเขาอย่างไร และมันยังบ่งชี้ให้เห็นว่า HR มืออาชีพมีประสิทธิภาพเพียงใดในการตอบสนองความต้องการของทั้งผู้มีส่วนได้เสียภายในองค์กร (เช่น พนักงาน ผู้บริหาร) ผู้ส่วนได้เสียภายนอกองค์กร (เช่น ลูกค้า ผู้ลงทุน) และสุดท้าย มันยังให้การประเมินผลลัพธ์ทางธุรกิจในด้านของการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับคู่แข่งโดยให้เห็นตัวชี้วัดเชิงตัวเลขที่เกี่ยวข้องการเงิน กลยุทธ์ ลูกค้า และผลการปฏิบัติงานของพนักงาน

ภาพที่ปรากฎอยู่ข้างท้ายนี้เป็นภาพรวมของผลลัพธ์ที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง Competency แต่ละตัวกับตัวชี้วัดผลการดำเนินการในหลายๆตัวชี้วัด บรรทัดสุดท้ายของตารางแสดงให้เห็นว่าค่าเบี่ยงเบนของผลกระทบของ Competency ที่มีต่อตัวชี้วัดผลการดำเนินการมีผลกระทบอยู่ในระดับใด การพิจารณาข้อมูลสำหรับตารางนี้ก็คือ เราพิจารณาภาพรวมของตัวแปร(กลยุทธ์ทางธุรกิจ เศรษฐกิจ คู่แข่งโดยตรง ผลิตภัณฑ์ ความชอบของลูกค้า เป็นต้น) ที่ทำให้เกิดความแตกต่าง (เช่น ทำไมองค์กรหนึ่งจึงมีผลการดำเนินการที่ดีกว่าอีกองค์กร) ผลลัพธ์ที่ได้ชี้ว่า HR Competency ส่งผลกระทบโดยคร่าวๆประมาณ 45% ไปยังประสิทธิภาพส่วนบุคคลและผู้มีส่วนได้เสียทั้งภายนอกและภายในองค์กร อย่างไรก็ตาม ตารางนี้ชี้ว่า HR Competency ส่วผลต่อผลลัพธ์ทางธุรกิจเพียง 3.5%

คอลัมน์แต่ละคอลัมน์ของตัวชี้วัดผลการดำเนินการจะบ่งบอกถึงผลกระทบของแต่ละ Competency ที่สัมพันธ์กัน ตารางนี้ได้ชี้ว่า

  • การช่วยเร่งเครื่องธุรกิจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยขับเคลื่อนตัววัดผลการดำเนินการทั้ง 4 ตัวชี้วัด
  • การยกระดับศักยภาพของคนมีผลกระทบที่แรงที่สุดต่อผลลัพธ์ทางธุรกิจ
  • การทำเรื่องซับซ้อนให้เป็นเรื่องง่ายมีผลกระทบที่แรงที่สุดต่อประสิทธิภาพส่วนบุคคล
  • การรวบรวมและใช้ข้อมูลจะมีความสัมพันธ์อย่างมากต่อผู้มีส่วนได้เสียภายนอกองค์กร
  • การฟูมฟักความร่วมมือกันจะส่งผลอย่างแรงต่อผู้มีส่วนได้เสียภายในองค์กร

นอกจากนี้แล้ว Competency ทุกตัวจะมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับตัวชี้วัดผลการดำเนินการทุกตัว นั่นหมายความว่า Competencyทั้งหมดที่รวมเป็นหนึ่งเดียวจะช่วย HR มืออาชีพให้ปฏิบัติงานตามบทบาทได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่การทบทวน HR Competency ในรอบนี้ช่วยให้เราได้ให้ HR มืออาชีพได้มุ่งเน้นที่การกระทำที่จำเป็นต้องลงมือทำและการลงมือทำที่จะขับเคลื่อนทั้งประสิทธิภาพของตนเองและขององค์กรมากกว่าที่จะมุ่งเน้นบทบาทที่จำเป็นต้องทำหรือคุณลักษณะที่ต้องพัฒนา

ผู้เขียน: Patrick M. Wright, Mike Ulrich, and Erin Burns
ผู้แปล: ดิลก ถือกล้า

Tag:
No items found.
Share this post:
ดิลก ถือกล้า

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024