>
กระบวนการจัดการความรู้ในยุค 4.0
February 1, 2021

กระบวนการจัดการความรู้ในยุค 4.0

ช่วงนี้ใครๆ ก็พูดถึงคำว่า 4.0 ถ้าไม่พูดถึง 4.0 ก็คงตกเทรนแน่นอน ถ้าจะอธิบายขยายความแบบเข้าใจง่ายๆ คือ Thailand 4.0 เป็นวิสัยทัศน์เชิงนโยบาย ที่เปลี่ยนเศรษฐกิจแบบเดิมไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม…. ซึ่งกว่าจะมาเป็น Thailand 4.0 ก็ต้องผ่าน 1.0 2.0 และ 3.0 กันมาก่อน

>>> Thailand 1.0 ก็คือยุคของเกษตรกรรม คนไทยปลูกข้าว พืชสวน พืชไร่ เลี้ยงหมู เป็ด ไก่ นำผลผลิตไปขาย สร้างรายได้และยังชีพ

>>> Thailand 2.0 ซึ่งก็คือยุคอุตสาหกรรมเบา ในยุคนี้เรามีเครื่องมือเข้ามาช่วย เราผลิตเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องดื่ม เครื่องเขียน เครื่องประดับเป็นต้น ประเทศเริ่มมีศักยภาพมากขึ้น

>>> Thailand 3.0 (ซึ่งเป็นยุคปัจจุบัน) เป็นยุคอุตสาหกรรมหนัก เราผลิตและขายส่งออกเหล็กกล้า รถยนต์ ก๊าซธรรมชาติ ปูนซีเมน เป็นต้น โดยใช้เทคโนโลยีจากต่างประเทศ เพื่อเน้นการส่งออก

ในช่วงแรก Thailand 3.0 เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันกลับเติบโตเพียงแค่ 3-4% ต่อปีเท่านั้น ประเทศไทยจึงตกอยู่ช่วงรายได้ปานกลางมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว ในขณะที่ทั่วโลกมีการแข่งขันที่สูงขึ้น เราจึงต้องเปลี่ยนสู่ยุค Thailand 4.0 เพื่อให้ประเทศไทยให้กลายเป็นกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูง

ในปัจจุบันประเทศไทยยังติดอยู่ในโมเดลเศรษฐกิจแบบ “ทำมาก ได้น้อย” จึงต้องการปรับเปลี่ยนเป็น “ทำน้อย ได้มาก” ก็จะต้องเปลี่ยนจากการผลิตสินค้า “โภคภัณฑ์” ไปสู่สินค้าเชิง “นวัตกรรม” และเปลี่ยนการขับเคลื่อนประเทศจากภาคอุตสาหกรรมไปสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม อย่างการเกษตรก็ต้องเปลี่ยนจากการเกษตรแบบดั้งเดิม ไปสู่การเกษตรสมัยใหม่ ที่เน้นการบริหารจัดการและใช้เทคโนโลยีหรือ Smart Farming โดยเกษตรกรต้องร่ำรวยขึ้น และเป็นเกษตรกรแบบเป็นผู้ประกอบการเปลี่ยนจาก SMEs แบบเดิมไปสู่การเป็น Smart Enterprises และ Startups ที่มีศักยภาพสูงเปลี่ยนจากรูปแบบบริการแบบเดิมซึ่งมีการสร้างมูลค่าค่อนข้างต่ำ ไปสู่บริการที่มีมูลค่าสูงเปลี่ยนจากแรงงานทักษะต่ำไปสู่แรงงานที่มีความรู้และทักษะสูง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวต้องอาศัยความรู้ในการขับเคลื่อนเช่นกัน

ภายใต้เกณฑ์การบริหารระบบคุณภาพขององค์กร อย่างเช่น TQA, PMQA, SEPA, EdPex, ISO9001:2015 ต่างก็พูดถึงการจัดการความรู้เพื่อนำไปสู่นวัตกรรมเช่นกัน ในอดีตที่ผ่านมามีการกำหนดยุคสมัยของการจัดการความรู้ไว้เป็น 3 ยุค

ยุคที่ 1 Pre-SECI เป็นการจัดการความรู้ที่เน้นสารสนเทศเป็นหลัก ยุคนี้ประมาณ 20-25 ปีที่ผ่านมา

ยุคที่ 2 SECI แบ่งความรู้ออกเป็นสองประเภทคือ ความรู้ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) และ ความรู้ฝังลึก (Tacit Knowledge) เน้นความรู้ ฝังลึก ออกมาเป็นความรู้ชัดแจ้งและวงกลับไปเป็นเกลียวความรู้เพื่อยกระดับความรู้ให้สูงขึ้นไปเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาในกระบวนการปฏิบัติงาน

ยุคที่ 3 Post SECI เน้นการผสานของความรู้ต่าง ๆ โดยไม่แยกออกจากกันอย่างชัดเจน เน้นความรู้ที่ต้องการใช้ในเวลานั้นเพื่อให้เกิดประสิทธิผล (Effectiveness) หรือผลลัพธ์ของงาน

มาถึงปัจจุบันหรืออาจเรียกว่าการจัดการความรู้ในยุค 4.0 นั้น จะไม่สามารถแยกจากการบวนการปฏิบัติได้จะต้องเชื่อมโยงกับองค์กรเป็นเนื้อเดียวกัน เชื่อมโยงพันธกิจ ยุทธศาสตร์ ระบบการบริหารคุณภาพ สมรรถนะหลัก ระบบพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ลูกค้า ผู้รับบริการรวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กรและที่สำคัญจะต้องรวบรวมและถ่ายทอดความรู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ในการสร้างนวัตกรรมและกระบวนการวางแผนเชิงกลยุทธ์ขององค์กรให้ได้

ระบบการจัดการความรู้ขององค์กรควรมีกลไกการแบ่งปันความรู้ของบุคคลากรและองค์กรเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะรักษาผลการดำเนินการให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงที่มีการปรับเปลี่ยน โดยที่องค์กรจะต้องกำหนดว่าความรู้ใดสำคัญอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติงาน และมีการแบ่งปันถ่ายทอดอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารสนเทศที่เป็นความรู้ส่วนบุคคลที่ฝังลึกอยู่ในตัวบุคคลากร และขณะเดียวกันองค์กรต้องสร้าง การเรียนรู้ระดับองค์กร (Organizational Learning) ให้เกิดการใช้องค์ความรู้และทรัพยากรต่างๆ เพื่อให้การเรียนรู้ฝังลึกลงไปในวิถีการปฏิบัติงานขององค์กร

ที่กล่าวมาข้างต้นจำเป็นอย่างยิ่งการจัดการความรู้ในยุค 4.0 ก็ต้องอาศัยผู้นำองค์กรที่เป็น 4.0 เช่นกันถึงจะขับเคลื่อนการจัดการความรู้ไปถึง 4.0 ได้ โดยผู้นำ 4.0 จะมีต้องมีคุณสมบัติคือสนุกกับการเปลี่ยนแปลง เรียนรู้ตลอดชีวิต การคิดเชิงวิจารณญาณ ความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสาร และการทำงานต่างวัฒนธรรมในทำนองเดียวกันผู้นำซึ่งนำคนทำงานฐานความรู้ก็ต้องปรับเปลี่ยนสไตล์ของภาวะผู้นำจากเดิมๆ เป็นแบบใหม่ๆ นั่นแหละเราจะเห็นการจัดการความรู้ไปถึง 4.0 อย่างแท้จริง

Tag:
No items found.
Share this post:
สราวุฒิ พันธุชงค์

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024