>
พลเมืองเครือข่าย (Netizen)
September 6, 2021

พลเมืองเครือข่าย (Netizen)

เว็บไซต์ Smart Insight รายงานว่า มีผู้ใช้เครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์สม่ำเสมอ (Active Users) ประมาณเดือนละ 3,484 ล้านคน หรือ 45% ของจำนวนประชากรโลก ที่ใช้งานมากที่สุด คือ Facebook ประมาณ 2,320 ล้านคน ตามมาด้วย Instagram มากกว่า 1,000 ล้านคน และ Twitter อยู่ที่ 326 ล้านคน จำนวนผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เช่น กรณี Arab Spring ที่นำไปสู่การเปลี่ยนรัฐบาลบางประเทศในตะวันออกกลาง ระหว่างการประท้วงมีการ Tweet มากกว่า 2 ล้านครั้งต่อวัน หรือ กรณีบริษัท Cambridge Analytica นำข้อมูลผู้ใช้ Facebook มาวิเคราะห์เพื่อกำหนดกลยุทธ์รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น

นักเขียนอเมริกัน ไมเคิล ฮอเบน (Michael Hauben) เรียกกลุ่มผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ว่า ‘พลเมืองเครือข่าย’ หรือ ‘Netizen’ ซึ่งเกิดจากการรวมคำในภาษาอังกฤษ 2 คำ คือ Internet และ Citizen ในบางประเทศจะมีชื่อเฉพาะ เช่น เกาหลีใต้จะเรียก K-netizen หรือ Knetz เมื่อใดก็ตาม ‘Netizen’ มีสิ่งที่สนใจร่วมกันในประเด็นใด ก็จะติดเครื่องหมาย Hashtag (#) เพื่อเชื่อมโยงกลายเป็นเครือข่ายบนโลกออนไลน์ขนาดใหญ่ เช่น กรณี Weinstein Effect ที่มีการติดแฮชแท็ก ‘#MeToo’ ในการส่งต่อข้อความถึง 12 ล้านครั้ง ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อเปิดโปงพฤติกรรมของนักสร้างภาพยนต์ระดับตำนาน ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน (Harvey Weinstein) ที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศดาราหญิงมายาวนาน แฮชแท็ก #MeToo กลายเป็นปรากฏการณ์ไวรัล จนนิตยสาร TIME ถึงกับจัดให้เป็นบุคคลแห่งปี 2017

ในอดีต สังคมแบ่งชนชั้นตาม "ฐานันดรศักดิ์" (The Estate) ออกเป็น 4 ประเภท ฐานันดรที่ 1 สำหรับกษัตริย์ และขุนนาง ฐานันดรที่ 2 คือกลุ่มนักบวชหรือผู้นำทางศาสนา ฐานันดรที่ 3 เป็นสามัญชนทั่วไป และฐานันดรที่ 4 ใช้กับสื่อสารมวลชนซึ่งทำหน้าที่กระจกเงาสะท้อนปัญหาสังคมในด้านต่าง ๆ เทคโนโลยีในยุคดิจิทัลได้เปิดพรมแดนการสื่อสารที่เข้าถึงได้ง่ายในทุกที่ทุกเวลา ‘พลเมืองเครือข่าย’ จากสามัญชนบางส่วนได้กลายเป็น ‘นักข่าวพลเมือง’ อาศัยช่องทางที่เปิดกว้างรายงานและแสดงความคิดเห็นของตนเองในที่สาธารณะ กลายเป็นกลุ่มชนชั้นใหม่เรียกว่า ‘ฐานันดรที่ 3.5’ ซึ่งบางครั้งได้รับความนิยมมากกว่าสื่อสารมวลชนเนื่องจากสามารถให้ข้อเท็จจริงทั้งเนื้อหาและภาพอย่างรวดเร็ว รวมทั้งมุมมองที่หลากหลาย อีกทั้งยังให้ผู้ติดตามเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ หลายคนจึงชอบอ่านข้อเขียนของ Blogger โดย ‘พลเมืองเครือข่าย’ มากกว่ารอรายงานข่าวจากสื่อมวลชนทั่วไป

ข้อได้เปรียบอีกประการของ ‘พลเมืองเครือข่าย’ คือ การใช้งานในระบบออนไลน์จะอยู่บนหลักพื้นฐานของ ‘ความเสมอภาคทางเน็ต (Net Neutrality)’ ผู้ให้บริการเช่น แอมะซอน กูเกิล ยูทูป ส่งข้อมูลไปตามเส้นทางที่ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเป็นเจ้าของ ‘ความเสมอภาคทางเน็ต’ กำหนดให้เจ้าของอินเทอร์เน็ตต้องให้บริการอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของกูเกิล หรือจากบริษัทขนาดเล็ก ต่างก็สัญจรไปบนเส้นทางเดียวกัน ด้วยความเร็วเท่ากัน ผู้ให้บริการไม่สามารถเลือกว่าจะให้บริการเป็นพิเศษแก่ใครได้ ‘ความเสมอภาคทางเน็ต’ ทำให้เกิดการแข่งขันสร้างนวัตกรรม ช่วยให้กิจกรรมบนโลกออนไลน์ของ ‘พลเมืองเครือข่าย’ ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

นอกจาก ‘ความเสมอภาคทางเน็ต’ ‘กลุ่มความร่วมมือด้านสิทธิและหลักการอินเทอร์เน็ต (Internet Rights and Principles Dynamic Coalition)’ หรือ IRPC จากภาครัฐ ธุรกิจและประชาชนในหลายประเทศ ได้ร่วมกันประกาศหลักการอินเทอร์เน็ตและสิทธิพื้นฐานของ ‘พลเมืองเครือข่าย’ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554 ณ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา จัดการ และดูแลอินเทอร์เน็ต โดยประยุกต์จากหลักการสิทธิมนุษยชนสากล โดยครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น สิทธิในการเข้าถึงและใช้อินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัย สิทธิในการค้นหา ได้รับ และแจ้งข้อมูลข่าวสารอย่างเสรี สิทธิในการคบค้าสมาคมกันบนอินเทอร์เน็ต สิทธิในการแสดงความเป็นส่วนตัว สิทธิในการเข้ารหัส และสิทธิที่จะไม่เปิดเผยตัวตน ซึ่งสิทธิดังกล่าวนี้รวมถึงต้องปราศจากการถูกสอดส่องตรวจตรา และได้รับการคุ้มครองข้อมูล นอกจากนี้ ความหลากหลายทางภาษาและวัฒนธรรมบนอินเทอร์เน็ต จะต้องได้รับการส่งเสริม เพื่ออำนวยความเป็นพหุลักษณ์ในการแสดงออก ไม่ถูกเลือกปฏิบัติ และเป็นอิสระจากการถูกจัดลำดับ กรอง และควบคุมการจราจรอย่างแบ่งแยก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางการค้า การเมือง หรือเหตุผลอื่นใด

สำหรับประเทศไทยได้มีการก่อตั้ง ‘เครือข่ายพลเมืองเน็ต (Thai Netizen Network)’ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 เพื่อสนับสนุนผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ในเรื่องสิทธิการเข้าถึงข้อมูล สิทธิในการคิดและแสดงออก สิทธิความเป็นส่วนตัว สิทธิในการร่วมออกแบบนโยบาย และสิทธิในการเป็นเจ้าของและใช้ทรัพยากร เครือข่ายดังกล่าวมีการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ติดตามประเด็นเทคโนโลยีและการสื่อสารที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน วิจัยเชิงนโยบายและรณรงค์ขับเคลื่อนบนฐานงานวิจัย พัฒนาทักษะผู้ใช้เน็ตและสื่อพลเมือง รวมทั้งเปิดพื้นที่ความคิดเห็นเรื่องสิทธิเสรีภาพ นโยบายสื่อ และวัฒนธรรมดิจิทัล

อ้างอิง

ฐานเศรษฐกิจ. “พลเมืองเครือข่าย (Netizen)”, CEO Focus, The Disrupt, หน้า 22, 18 พฤษภาคม 2562

HR Society Magazine. “พลเมืองเครือข่าย (Netizen)”. ธรรมนิติ. Vol. 17, No 198, หน้า 30-34, มิถุนายน 2562

Tag:
No items found.
Share this post:
ดร.ณัฐวุฒิ พงศ์สิริ

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024