>
“Now normal เปลี่ยนได้ตอนนี้แก้ได้ทันที” Test drive ก่อนเข้าสู่ New normal ที่แท้จริง
April 24, 2021

“Now normal เปลี่ยนได้ตอนนี้แก้ได้ทันที” Test drive ก่อนเข้าสู่ New normal ที่แท้จริง

Rockworth Workspace Solutions องค์กรแห่งนวัตกรรมเฟอร์นิเจอร์สำนักงานครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในการทำงาน อย่างมีศักยภาพสูงสุด และเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างประสบการณ์การทำงานที่ไม่เคยหยุดยั้ง มากกว่า 48 ปี ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากองค์กรระดับสากลมากมายทั้งในและต่างประเทศ

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เริ่มคลี่คลายแต่กลับทิ้งโจทย์ที่สร้างความท้าทายครั้งใหญ่ให้กับทุกๆ องค์กร เมื่อหลายออฟฟิศไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนเพื่อเตรียมพร้อมในการรักษาความปลอดภัยในช่วงโรคระบาดให้กับพนักงาน แล้ววิธีใดที่ ณ เวลานี้องค์กรสามารถดึงออกมาใช้เป็นมาตรการเบื้องต้นได้ทันที โดยที่ยังไม่ต้องลงเม็ดเงินจำนวนมาก สิ่งไหนบ้างที่องค์กรต้องให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น? มาตรการเบื้องต้นที่สามารถนำมาสร้างความปลอดภัยให้กับพนักงานมีอะไรบ้าง ?

เมื่อทุกองค์กรต้องเผชิญปัญหาเดียวกัน กับการกลับมาทำงานที่ออฟฟิศในโลกหลัง COVID-19
“Now Normal” จึงเรียกได้ว่าเป็นสเต็ปต่อไปก่อนจะก้าวเข้าสู่ “New Normal” ที่ทุกคนต้อง
เปลี่ยนรูปแบบการทำงาน หลายบริษัทเริ่มวางแผนให้พนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิศเหมือนเดิม
ภายใต้วิถีการใช้ชีวิตใหม่ Rockworth จะมาช่วยทุกคนเริ่มต้นการทำงานในรูปแบบใหม่ไปด้วยกัน

มองย้อนกลับไปเมื่อ 2-3 เดือน ที่ผ่านมาก่อนการ Lockdown ออฟฟิศของคุณเป็นอย่างไร ?

พนักงานทำงานร่วมกันได้อย่างใกล้ชิด นั่งโต๊ะติดกันได้ หันหน้าเข้าหากันได้ สัดส่วนการใช้พื้นที่ออฟฟิศถูกแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางเพื่อพูดคุยสื่อสารกันอย่างอิสระ พนักงานทุกคนสามารถเข้ามานั่งทำงานที่ออฟฟิศได้โดยที่ไม่ต้องแจ้งล่วงหน้าใช่ไหม

แต่เพียงเวลาไม่นานที่ทุกคนได้รู้จักกับเชื้อไวรัส COVID-19 กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานครั้งใหญ่การ Lockdown กลายเป็นการจุดชนวนให้เกิดการ Work from home อย่างแพร่หลาย ทำให้พนักงานทุกคนต้องปรับเปลี่ยนการทำงานอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

แต่ถึงอย่างไรในเวลานี้ที่สถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลายปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การกลับมาทำงานที่ออฟฟิศตามเดิมเป็นเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนด้วยหลายๆ เหตุผลรวมไปถึงข้อได้เปรียบที่การทำงานที่บ้านให้ไม่ได้ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาศักยภาพในการทำงาน, การต่อยอดแนวคิดใหม่ๆ จากการทำงานร่วมกับผู้อื่น, รวมไปจนถึงความสามารถในการสร้างวัฒนธรรมให้กับองค์กรไม่ว่าจะเป็นสถานที่ ผู้คน เฟอร์นิเจอร์ หรือ แม้แต่การออกแบบหน้าตาออฟฟิศสามารถเป็นตัวหล่อหลอมให้เกิดวัฒนธรรมองค์กรในรูปแบบที่ผู้บริหารต้องการได้ บรรยากาศในการทำงานจะส่งผลต่อพฤติกรรมพนักงานและสุดท้ายจะสามารถสร้างวัฒนธรรมองค์กรได้ในที่สุด นี่คือปัจจัยที่จะมาการันตีถึงความสำคัญของการทำงานที่ออฟฟิศนั่นเอง

แต่ความท้าทายที่ทุกองค์กรต้องเผชิญใน ‘ช่วงเปลี่ยนผ่าน’ ช่วงที่พนักงานต้องกลับมาทำงานที่ออฟฟิศตามปกติ เรื่องของการรักษาความปลอดภัยด้านสุขภาพให้กับพนักงานจึงเป็นเรื่องสำคัญและต้องให้ความใส่ใจมากขึ้นกว่าเดิม

นอกจากการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าพื้นที่และการใส่หน้ากากอนามัยที่จำเป็นต้องมีอยู่แล้วนั้น มาตรการที่จะสามารถช่วยในการดูแลสุขลักษณะในการทำงานที่ดีให้กับพนักงาน พร้อมทั้งสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังไม่ต้องลงเม็ดเงินจำนวนมากมีด้วยกันทั้งหมด 4 มาตรการที่ต้องให้ความสำคัญ ดังนี้

1. ลดความหนาแน่นของพนักงานในออฟฟิศ

โดยยึดหลักการเว้นระยะห่างทางกายภาพ (Physical Distancing) จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อระหว่างบุคคลได้ เช่น การแบ่งทีม 30-50% ของพนักงานให้ยังคงทำงานที่บ้านสลับสับเปลี่ยนกันมาเข้าทำงานตามความจำเป็น หรือการสลับตารางการเข้า-ออกงานและช่วงพักเที่ยงเพื่อลดความแออัดที่จะเกิดขึ้นในออฟฟิศ การจำกัดจำนวนคนในการใช้พื้นที่ส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็นลิฟต์หรือการกำหนดทางเดินเข้า-ออกที่ชัดเจนเพื่อลดการเบียดกันระหว่างทางเดินในชั่วโมงเร่งด่วน

2. ปกป้องพนักงานทุกคนให้ห่างไกลเชื้อไวรัส

ในส่วนของงานทำความสะอาดต้องใส่ใจเป็นพิเศษ โดยให้ความสำคัญไปที่พื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ราวจับประตู ราวบันได ปุ่มกดลิฟต์ รวมไปจนถึงบัตรขึ้นอาคาร และบัตรจอดรถ ก็อย่าลืมที่จะดูแลความสะอาดเช่นกัน นอกจากนั้น ควรกำหนดเวลาที่ชัดเจนในการทำความสะอาดหลังจากที่พนักงานใช้โต๊ะทำงานเสร็จ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและขอความร่วมมือกับพนักงานในการลดจำนวนของใช้ส่วนตัวบนโต๊ะทำงาน เพื่อให้ทำความสะอาดได้สะดวกมากขึ้น

3. การเก็บข้อมูลและติดตาม

แม้จะมีมาตรการเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับพนักงานแล้ว แต่ด้วยความคุ้นเคยอาจทำให้บางพื้นที่มีจำนวนพนักงานแออัดกันมากเกินกว่าที่กำหนดไว้ เพราะฉะนั้นควรมีเครื่องมือวัดผลด้วยเช่นกันปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถนำมาช่วย Support มากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ Software ที่ชื่อว่า Condeco เป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถช่วยบริหารจัดการพื้นที่ทำงานในออฟฟิศ โดยระบบจะช่วยกำหนดการใช้งานของพื้นที่ เวลาเปิด-ปิดการใช้งานพื้นที่ต่างๆ และยังสามารถนำข้อมูลการใช้งานของพนักงานมาวิเคราะห์ได้ว่าส่วนไหนของออฟฟิศมีความแออัด ทำให้สามารถปรับปรุงมาตรการในการบริหารเรื่องความปลอดภัยของพนักงานต่อไปได้

นอกจากนั้นควรวางแผนในการรับมือเมื่อเกิดเหตุการณ์มีพนักงานติดเชื้อ หรืออยู่ในสภาวะเสี่ยง ควรมีเครื่องมือที่สามารถติดตามการใช้พื้นที่ในออฟฟิศของพนักงานคนที่ต้องสงสัยได้ ซึ่งอีกหนึ่งความ

สามารถของ Condeco คือการระบุตำแหน่งการนั่งทำงานของพนักงานแต่ละคนว่าในหนึ่งวันได้ไปนั่งบริเวณไหน สามารถช่วยเก็บข้อมูลย้อนหลังได้ ทำให้ติดตามข้อมูลต่อไปได้ว่า พนักงานคนนี้ไปนั่งตรงไหนกับใคร และมีใครใช้พื้นที่นั้นต่อจากเขาบ้าง ช่วยให้ง่ายต่อการติดตามและจัดมาตรการได้อย่างทันท่วงที

4. บริหารจัดการพื้นที่ทำงาน

เมื่อพื้นที่ออฟฟิศมีอยู่อย่างจำกัด จะสามารถจัดการพื้นที่ทำงานอย่างไรให้สอดคล้องกับมาตรการเว้นระยะห่างทางกายภาพ หนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะช่วยเพิ่มสุขลักษณะการทำงานที่ดีได้ในช่วงที่งบประมาณถูกจำกัด บวกกับความไม่แน่นอนว่าสถานการณ์โรคระบาดจะดีหรือแย่ลง นั่นคือการปรับเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่างในออฟฟิศ โดยการใช้เฟอร์นิเจอร์เข้ามาเป็นตัวช่วยในการสร้างการทำงาน ภายใต้หลักการเว้นระยะห่างทางกายภาพ (Physical Distancing) นั่นเอง

Modifying (การปรับพื้นที่การทำงาน)

การยึดตำแหน่งการจัดวางรูปแบบออฟฟิศเดิม แต่เสริมเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นเข้าไปเพื่อช่วยแบ่งพื้นที่และสร้างระยะห่างให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ทั้งการติดฉากกั้นโต๊ะระหว่างพนักงาน หรือเสริมฉากกั้นห้องเพื่อแบ่งพื้นที่การทำงานให้ชัดเจน จะช่วยลดความใกล้ชิดที่ไม่จำเป็นของพนักงานลงได้ นอกจากนั้นยังมีเฟอร์นิเจอร์จาก Rockworth ที่น่าสนใจอีกมากมาย ที่สามารถสร้างมุมส่วนตัวและสร้างระยะห่างทางกายภาพให้กับพนักงานได้แม้จะอยู่ในพื้นที่เปิด

สิ่งเหล่านี้อาจเรียกได้ว่า “Now Normal” ซึ่งเป็นเพียงมาตรการเบื้องต้นที่ทุกๆ องค์กรสามารถทำได้ทันทีเพื่อรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดในระยะสั้น ซึ่งหลังจาก COVID-19 ผ่านพ้นไป แน่นอนว่าภาพของพื้นที่การทำงานและพฤติกรรมบางอย่างที่คุ้นเคยในออฟฟิศอาจเปลี่ยนแปลงไปอย่างถาวร หรือที่เรียกกันว่า “New Normal” นั่นเอง และถือเป็นโอกาสที่ดีในการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่ๆ ซึ่งเข้ามาช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานของพนักงานให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรได้ อนาคตของการทำงานจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหน เป็นเรื่องที่เราทุกคนจะต้องคอยอัปเดต ติดตามสิ่งที่จะเกิดขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับวิธีการทำงานรูปแบบใหม่ไปพร้อมๆ กัน

Tag:
No items found.
Share this post:
KHON

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024