>
ทางเลือกใหม่ที่คุ้นเคยเพื่อการประเมินผลงาน
October 22, 2021

ทางเลือกใหม่ที่คุ้นเคยเพื่อการประเมินผลงาน

ทุกคนในประเทศต่างมองและคาดการณ์ในแง่ดีสำหรับการที่เศรษฐกิจในภาพใหญ่จะวิ่งต่อไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วจากการที่ไทยเราสามารถควบคุมโรคระบาดได้ค่อนข้างดีในช่วงไตรมาสที่สามและไตรมาสที่สี่ของปี 2020 การตั้งเป้าต้นปี 2021 ขององค์กรส่วนใหญ่จึงค่อนข้างที่จะตั้งเป้าเพื่อรับการฟื้นตัวเป็นอย่างมาก แต่ทว่าเมื่อปี 2021 มาถึงจริงๆ เรากับต้องเผชิญภาวะการระบาดของโควิด 19 ที่ร้ายแรงและรวดเร็วกว่าปี 2020 เสียอีก อาทิเช่น การ Lock Down ที่ยาวนานกว่าปี 2020 การเคอร์ฟิวเวลาที่นานกว่าปี 2020 รวมไปถึงการทำงานที่ทำได้ยากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ฉะนั้นเป้าหมายในการประเมินผลงานเมื่อตอนต้นปี 2021 ที่มองภาพในแง่ดีอาจจะไม่สามารถนำมาใช้วัดประเมินได้จริงๆเมื่อมาถึงการประเมินผลงานจริงๆ มิหนำซ้ำการทำงานที่ต้องทำงานระยะไกล มีการทำ Hybrid working ที่ทำงานไกลกันยิ่งทำให้การประเมินผลแบบเดิมๆนั้นไม่สามารถวัดได้แม่นยำเหมือนเดิมด้วยเหตุผลหลายประการ

ประการแรก เมื่อทำงานห่างกัน ยิ่งทวีอคติที่มีให้แรงมากยิ่งขึ้น-การทำงานแบบ Hybrid Working จะส่งผลให้อคติที่เรามีต่อตัวลูกทีมไม่ว่าจะทางบวกหรือทางลบ จะเข้ามาขยายตัวในใจผู้ใต้บังคับบัญชามากยิ่งขึ้น การที่หัวหน้าไม่สามารถพบเจอกับลูกทีมตัวจริงๆได้อย่างสมัยก่อน ก่อให้เกิดความคลุมเครือในความรู้สึก จนอาจทำให้ภาพการมองผลงานของลูกทีมอาจจะผิดเพี้ยนไม่แม่นยำเหมือนตอนที่ยังมีปฎิสัมพันธ์โดยตรงกับลูกทีม ยกตัวอย่างเช่น พนักงานท่านใดที่เคยมีผลการทำงานที่ไม่สู้ดีนัก จะยิ่งทำให้หัวหน้างานมองว่าพนักงานเหล่านี้ทำงานได้แย่ เอาเวลาที่เรามองไม่เห็นไปทำอย่างอื่นไม่ทำงาน ส่วนพนักงานที่เคยมีผลปฎิบัติงานที่ดี หัวหน้างานก็จะมองว่าพนักงานกลุ่มนี้ขยันกว่าปกติ ทั้งๆที่จริงๆแล้วอาจจะไม่เป็นไปอย่างที่หัวหน้างานได้คิดไว้ก็เป็นได้

ประการที่สอง การตั้งเป้าหมายในการประเมินผลแบบเดิมๆอาจจะไม่เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน – เป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว และตอนนี้องค์กรจำนวนมากก็ยังเห็นตรงกันอยู่ว่า การตั้งเป้าหมายประจำปีเพื่อการประเมินผลต้องมีความเป็น SMART GOAL Specific/Measurable/Attainable/Relevant/Timely) โดยเรามักจะนิยมที่ตั้ง SMART GOAL เป็นเป้าหมายที่ต้องไปให้ถึงในช่วงสิ้นปี แต่ทว่าในการทำงานยุคปัจจุบันเราอาจจะต้องทำงานเป็นทีมเล็กทีมย่อย อาจต้องมีการทำ SPRINT อาจจะต้องทำงานที่เป็น PROTOTYPE อาจจะต้องทำอะไรใหม่ๆอยู่สม่ำเสมอ โดยที่เราอาจจะได้เจอเจ้านายเราจริงๆไม่บ่อยนัก แต่กลับวนเวียนทำงานไปกับคนอื่นๆในบริษัทแทน เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับการประเมินผลการตั้งเป้าหมายแบบ SMART GOAL ทีเป็นเพียง SNAPSHOT ที่ทำให้เราเห็นภาพในช่วงจังหวะนั้นๆเท่านั้น นอกจากนี้การประเมินแบบดั้งเดิมที่มีการติดตาม และสรุปผลปลายปีนั้น อาจจะไม่ตอบโจทย์โลกในการทำงานในยุคโควิด หรือหลังโควิด ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่แทบจะตลอดเวลา ทำให้การวัดในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งก็อาจจะไม่ได้สะท้อนถึงผลงานที่แท้จริงของพนักงานเพียงพอที่จะทำให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองได้รับการประเมินผลอย่างเป็นธรรม อาจจะเห็นได้จากการวิจัยของ Gallup ที่ชี้ให้เห็นว่ามีเพียง 14% ของพนักงานที่เห็นด้วยว่าการประเมินผลงานนั้นช่วยพัฒนาตัวเขาได้จริงๆ

ดังนั้นเพื่อให้สามารถรับมือกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่แทบจะเป็น New Wave นี้นั้น ยกตัวอย่างเช่น บริษัทอย่าง Spotify, Amazon, ING Bank หรือ Haier ต่างก็มีการปรับตัวมีการนำ Agile เข้ามาใช้ในการทำงานอย่างเต็มที่ มีการใช้โครงสร้างองค์กรแบบที่ให้อิสระแก่พนักงานแต่ละคนได้ทำงานได้อย่างเป็นอิสระ ไม่มีหัวหน้างานอย่างเป็นทางการอีกต่อไป ดังนั้นบริษัทจึงจำเป็นต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวิธีการประเมินผลการปฎิบัติงานแบบเดิมๆที่นายประเมินลูกทีมโดยตรงเสียใหม่ให้ตอบโจทย์โลก และวิธีการทำงานที่เปลี่ยนไปจากอดีต

การประเมินแบบอ้างอิงทางสังคม (Socially-based) จึงถูกหยิบยกขึ้นมาใช้ประเมินกันในหลายๆองค์กรที่มีการเปลี่ยนแปลงในทำนองนี้ ซึ่งการประเมินแบบนี้คล้ายคลึงกับการประเมินแบบ 360 องศาที่ให้ผู้ประเมินเป็นคนที่ทำงานรอบตัวของแต่ละคน แต่ข้อแตกต่างก็คือการประเมินแบบ 360 ดั้งเดิม จะมีการเลือกเป็นรายปี โดยเป็นคนที่ได้ทำงานใกล้ชิด จำนวนไม่กี่คน แล้วนำความเห็นเหล่านั้นประเมินพนักงาน แต่การประเมินแบบอ้างอิงทางสังคมนี้จะใช้การนำ Feedback ของคนที่ทำงานด้วยตลอดทั้งปี ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะมากกว่า 50 คนต่อปี นำ Feedback เหล่านั้นมาประกอบการประเมินให้กับหัวหน้างานที่ทำหน้าที่ประเมินด้วย เพื่อผลอคติที่จะเกิดขึ้นในการประเมินลง

ซึ่งถ้าหากเราอยากเริ่มต้นที่จะใช้การประเมินแบบนี้ เราอาจเริ่มต้นจากการนำ Feedback ต่างๆของผู้อื่น เก็บอย่างเป็นระบบ และประมวลข้อมูลให้เป็นข้อมูลสำหรับการพิจารณาในการประเมินผลปลายปีก่อนก็ได้ ยกตัวอย่าง Google มีการให้พนักงานเสนอรายชื่อผู้ประเมินให้กับหัวหน้างานเพื่อรับทราบ และแจ้งว่าตนเองจะได้รับ Feedback จากคนกลุ่มนี้ (ซึ่งกลุ่มคนที่อยู่ในรายชื่อจะมีทั้งระดับที่เป็นเพื่อนร่วมงาน เป็นหัวหน้างานต่างฝ่าย หรือแม้กระทั่งลูกทีม) และจะมีการเก็บ Feedback ของพนักงานที่มีในรายชื่อนี้มาเป็นข้อมูลเพื่อประกอบการประเมินของหัวหน้างานในการประเมินผลงานประจำปี ซึ่งจะถูกพูดคุยกันในการประชุมประจำที่เกิดขึ้นทุกเดือนด้วย ไม่ใช่พูดคุยกันเฉพาะปลายปีเท่านั้น

หลายคนอ่านถึงตรงนี้อาจมีคำถามว่า แล้ว Feedback เหล่านี้บุคคลต่างๆที่ว่ามานั้นจะให้ข้อมูลตามความเป็นจริงหรือไม่ ข้อนี้ต้องบอกว่า แต่ละองค์กรอาจจะต้องมีการปรับใช้ที่แตกต่างกันบางองค์กรมีวัฒนธรรมที่จะพูดกันอย่างเปิดอกเปิดใจ ให้คำนะนำกันตรงๆได้ ยกตัวอย่างเช่น NETFLIX ที่สนับสนุนให้คนให้ Feedback กันตรงๆ ก็อาจจะไม่ต้องกังวลในข้อนี้ ส่วนถ้าเป็นองค์กรณ์ใหญ่อย่างเช่น Google ก็จะมีการให้สิทธิ์เฉพาะหัวหน้าทีมที่มีสิทธิ์เห็นว่าใครให้ Feedback ลูกทีมตัวเองว่าอย่างไรบ้าง ดังนั้นเราจึงต้องพิจารณาจากบริบทขององค์กรเราว่า อย่างไรเป็นวิธีที่จะนำมาประยุกต์ได้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เป็นเหมือนการประเมิน 360 องศาเมื่อ 20 ปีก่อนที่ไม่สามารถนำมาประเมินได้จริง เนื่องจากทุกคนก็เอาไปใช้เลยโดยไม่มีการปรับเข้ากับบริบทขององค์กรเอง

นอกจากนี้หากต้องการนำวิธีนี้มาใช้ เราจำเป็นต้องมีเครื่องมือมารองรับด้วย เนื่องจากการที่เราจะเก็บ Feedback ของพนักงานแต่ละคนต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยที่พนักงานแต่ละคนก็มีผู้ที่สามารถประเมินให้ได้จำนวนมากนั้น เราจึงจำเป็นที่ต้องให้พนักงานทุกคนที่มีโอกาสต้องประเมินใครสักคนในองค์กรสามารถเข้าถึงระบบการเก็บ Feedback ได้อย่างรวดเร็ว โดยอาจจะทำในรูปแบบของ Application ที่ใช้งานได้ง่าย หรือจะเป็นในรูปแบบของคำถามที่ให้พนักงานแต่ละคนสามารถ Feedback ได้อย่างรวดเร็วก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นที่บริษัท Praxis Precision Medicines ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ใช้ Microsoft office analytics ที่จะเป็น AI ของ Microsoft ที่จะวิเคราะห์ว่าพนักงานแต่ละคน ได้มีปฎิสัมพันธ์กับพนักงานในบริษัทท่านใดบ้าง โดยบริษัท Praxis จะมีการส่งข้อมูลเพื่อขอ Feedback จากคนๆนั้นที่ระบบได้วิเคราะห์มาว่ามีความเกี่ยวข้องกันแทบจะโดยทันที หรืออีกตัวอย่างหนึ่งที่บริษัท ENEL ที่เป็นบริษัท Utility ระดับโลกก็ได้พัฒนา Platform ของตัวเองขึ้นมาเพื่อที่จะให้พนักงานขอ Feedback ระหว่างกันได้ทุกเมื่อ โดยจะเลือกให้ Feedback กับใครก็ได้ โดยต้องระบบจะส่งคำขอไปยังอีกฝ่ายก่อนเพื่อเป็นการขออนุญาต และตรวจสอบความเกี่ยวข้องระหว่างกัน นอกจากนี้ ENEL ยังออกแบบระบบให้สามารถใช้งานได้ง่าย โดยการแบ่งหมวดหมู่เป็นหัวข้อต่างๆที่จะทำการ Feedback โดยทำเป็นสเกลง่ายๆ ให้ง่ายแก่การประเมิน และง่ายต่อความเข้าใจ ทำให้การให้การประเมินแต่ละครั้ง ผู้ประเมินจะใช้เวลาประเมินไม่เกิน 5 นาทีเท่านั้น

สุดท้ายการเก็บผลการประเมินจำนวนมากขนาดนี้ แล้วเราจะเชื่อถือผู้ประเมินคนไหนมากน้อยกว่ากันล่ะ หลายๆท่านอาจจะมีคำถามนี้เด้งขึ้นมาในหัวอยู่ในตอนนี้ คำตอบก็คือ ต้องขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละองค์กร แต่หากจะให้แนะนำในการนำมาใช้กับองค์กรคำตอบอาจจะเป็น มีน้ำหนักเท่าๆกัน เพราะว่าผลการประเมินจากคนจำนวนมากนี้ จะเป็นไปในลักษณะของความเห็นมวลชน ที่จะทำให้เราเห็นภาพมากยิ่งขึ้น เมื่อมองมาที่ผลงานของพนักงานแต่ละคน เพราะมันได้ประกอบความคิดเห็นของคนที่ทำงานรอบตัวเขาแทบจะทั้งหมดเลยทีเดียว

ทั้งนี้หากอยากจะเริ่มต้นที่จะใช้การประเมินแบบอ้างอิงทางสังคมมาใช้ในองค์กรของท่าน ท่านอาจจะเริ่มในจุดเล็กๆให้พนักงานคุ้นชินก่อน เช่นการสร้างวัฒนธรรมการให้ Feedback ระหว่างกันให้เป็นเรื่องปกติ ให้ทุกคนเห็นว่า Feedback มีความสำคัญและจำเป็นที่ต้องให้ และถ้าองค์กรเริ่มคุ้นชินการให้ Feedback แล้ว คุณค่อยมาหาวิธีการเก็บข้อมูลการ Feedback ต่างๆระหว่างกัน เพื่อเป็นฐานข้อมูลที่จะเริ่มนำไปใช้ประกอบกับการประเมินผลงานประจำปีก็เป็นการเริ่มต้นใช้งานการประเมินแบบอ้างอิงทางสังคมให้เข้ากับการประเมินผลงานจริงได้อย่างน่าสนใจ

อย่างไรก็ดีการประเมินผลงานเป็นสิ่งที่องค์กรจะสามารถตรวจเช็คอาการของพนักงานแต่ละคนว่า ยังทำงานได้อย่างปกติสุขหรือไม่ มีผลงานที่ดีให้องค์กรจริงหรือ ดังนั้นในโลกที่เปลี่ยนแปลงไป วิธีการทำงานที่ไม่เหมือนเดิม เราก็อย่าลืมตรวจสอบวิธีการประเมินขององค์กรเราด้วยว่า มันยังคงทำหน้าที่วัดได้อย่างที่มันควรจะเป็นหรือไม่ ถ้าคำตอบคือไม่ หรือไม่แน่ใจ ก็ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องกลับมาพิจารณาแก้ไขกันได้แล้ว ก่อนที่ตัววัดของคุณจะวัดอะไรไม่ได้อีกต่อไป

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Reference

https://hbr.org/2020/12/how-do-you-evaluate-performance-during-a-pandemic

https://hbr.org/2021/01/are-peer-reviews-the-future-of-performance-evaluations?ab=at_art_art_1x1

https://sloanreview.mit.edu/article/rethinking-performance-management-for-post-pandemic-success/

https://www.cultureamp.com/blog/performance-management-post-covid-19

https://engageforsuccess.org/engage-for-success-blog/how-covid-19-has-changed-performance-management/

Tag:
No items found.
Share this post:
วัฒนศักดิ์ วิบูลย์ชัยกุล

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024