>
รายงานผลสำรวจเกี่ยวกับความพร้อมในการปฎิบัติตามพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 2562 (PDPA)
October 12, 2021

รายงานผลสำรวจเกี่ยวกับความพร้อมในการปฎิบัติตามพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 2562 (PDPA)

แม้ว่าทางรัฐบาลได้มีการเลื่อนการให้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 2562 หรือที่เราเรียกคุ้นชื่อกัน คือ PDPA ให้มีผลบังคับใช้กับองค์กรเป็นวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ซึ่งจากนี้ไปจะเหลืออีกเพียง 7-8 เดือน ก็จะได้เวลาของการมีผลบังคบใช้ ซึ่งแต่ละองค์กรควรจะต้องมีความพร้อมที่จะดำเนินการตามกฎหมายที่เป็นความต้องการขั้นต่ำได้

โดยที่ PMAT ในฐานะที่เป็นองค์กรหนึ่งที่ทำบทบาทในการฉายภาพสะท้อนเรื่องของการบริหารคน และฉายภาพของผลกระทบทางกฎหมายที่มีต่อการบริหารคนจึงมีความสนใจที่จะนำศึกษาสำรวจความพร้อมขององค์กรในการดำเนินการตาม PDPA เพื่อเป็นข้อมูลในภาพรวมให้กับผู้เกี่ยวข้อง ผู้ที่สนใจได้มีการดำเนินการในส่วนเกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้ง PMAT เองก็จะได้มีข้อมูลว่าจะช่วยเหลือหรือสนับสนุนองค์กรทั้งที่เป็นสมาชิกและไม่เป็นสมาชิกอย่างไร

รูปแบบการสำรวจและช่วงเวลาดำเนินการ

เราได้ทำการสำรวจผ่านระบบ Online โดยทีมงานของ PMAT ไปยังองค์กรสมาชิกและองค์กรที่ไม่ได้เป็นสมาชิกแต่ใช้บริการ PMAT จำนวน 1,810 องค์กร ในช่วงเดือนกันยายน 2564  โดยแบบสอบประกอบด้วยข้อที่กระชับแยกเป็น 4 ส่วน ดังนี้

ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปขององค์กร จำนวน 4 ข้อ

ส่วนที่ 2 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสำรวจ จำนวน 2 ข้อ

ส่วนที่ 3 แบบสำรวจความพร้อมขององค์กรต่อ PDPA จำนวน 4  ข้อ

ส่วนที่ 4 แบบสำรวจความจำเป็นของ Technology / Application ต่อการดำเนินการเกี่ยวกับ PDPA จำนวน 4 ข้อ

โดยในคำถามปลายปิดจะให้ผู้ตอบแบบสำรวจเลือกให้ค่าคะแนนมา 5 ค่าคะแนน คือ (1)  ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง  (2) ไม่เห็นด้วย (3) ค่อนข้างเห็นด้วย (4) เห็นด้วย (5) เห็นด้วยอย่างยิ่ง

มีองค์กรที่ตอบแบบสำรวจมา 85 องค์กร ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีผู้ตอบแบบสอบถามกลับมาเป็นจำนวนไม่มาก แต่ก็ทำให้เราสามารถมองเห็นภาพของความพร้อม และภาพของการต้องการการสนับสนุนได้อยู่ในระดับหนึ่งพอสมควร

องค์กรที่ร่วมสำรวจ

หากมองในแง่ของจำนวนพนักงานในองค์กร พบว่า

เป็นองค์กรที่มีพนักงานน้อยกว่า 500 คน จำนวน 54 องค์กรคิดเป็น  63 %

เป็นองค์กรที่มีพนักงาน 500 – 1000 คน จำนวน 15 องค์กรคิดเป็น  18%

เป็นองค์กรที่มีพนักงาน 1001- 2000 คน จำนวน 6 องค์กรคิดเป็น 7 %

เป็นองค์กรที่มีพนักงาน 2000 คน ขึ้นไป จำนวน 10 องค์กรคิดเป็น 12%

โดยสถานที่ตั้งขององค์กร จะอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร 39 องค์กร (46 %) อยู่ในเขตปริมณฑล 18 องค์กร ( 21%) อยู่ในเขต EEC 14 องค์กร (16.5 %) และอยู่ในเขตอื่นๆ 14 องค์กร (16.5 %)

ความเกี่ยวข้องของผู้ให้ข้อมูลต่อ PDPA

เมื่อดูผู้ตอบแบบสอบถามกับความเกี่ยวข้องกับ PDPA พบว่าเป็นหัวหน้าคณะทำงานเพื่อปรับใช้ PDPA 15 คน (18 %) เป็นผู้ที่อยู่ในคณะทำงานปรับใช้ PDPA ในองค์กร 34 คน ( 41%) เป็นเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 7 คน ( 8%) เป็นผู้ดูแลหรือดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Process Owner) 10 คน (12%) เป็นผู้ทำกิจกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องกับ PDPA 6 คน (7%) และเป็นผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ PDPA 10 คน (12%)

ซึ่งจากจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามที่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับ PDPA ทำให้ข้อมูลที่ได้จะสะท้อนความพร้อมของการเตรียมการเพื่อดำเนินการตาม PDPA ได้อย่างตรงประเด็น

องค์กรมีพร้อมในระดับใดด้านการจัดทำนโยบาย เอกสารแบบฟอร์ม และกระบวนการทำงาน

เราทำสำรวจความพร้อมในมิติต่างๆ ที่เป็นการเตรียมการเพื่อการดำเนินการปรับใช้ PDPA ในองค์กร โดยจะสำรวจความพร้อมในมิติดังต่อไปนี้

1. ความพร้อมในการกำหนดนโยบาย ข้อบังคับ ระเบียบ หรือแนวปฏิบัติ ที่เกี่ยวข้องกับการปรับใช้ PDPA

73 องค์กร หรือ 85.9% มองว่าองค์กรได้เตรียมการวางระเบียบ แนวปฏิบัติที่เป็นเรื่องพื้นฐานอยู่ในระดับที่มีความพร้อม ขณะที่อีก 12 องค์กร หรือ 14.1% มองว่าตนเองยังไม่มีความพร้อม

2. ความพร้อมของการจัดทำแบบฟอร์ม Template หรือรูปแบบสัญญา ที่เกี่ยวข้องกับ PDPA

58 องค์กร หรือ 68.2% มองว่าองค์กรได้เตรียมการเรื่องนี้อยู่ในระดับที่มีความพร้อม อีก 27 องค์กร หรือ 31.8% มองว่าตนเองยังไม่มีความพร้อมในการจัดทำเอกสารที่เป็นแบบฟอร์มเพื่อใช้งาน

3. ความพร้อมในการจัดทำกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับ PDPA เช่น การขอความยินยอม การถอนความยินยอม การขอสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูล

47 องค์กร หรือ 55.3% มองว่าองค์กรได้เตรียมกระบวนการทำงานอยู่ในระดับที่มีความพร้อม อีก 38 องค์กร หรือ 44.7% มองว่าตนเองยังไม่มีความพร้อมในการจัดทำกระบวนการทำงานเพื่อรองรับให้มีการนำนโยบายมาปรับใช้

4. ความพร้อมในการจัดทำฐานการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล (Data Inventory)

55 องค์กร หรือ 64.7% มองว่าองค์กรได้เตรียมกระบวนการทำงานอยู่ในระดับที่มีความพร้อม อีก 30 องค์กร หรือ 35.3% มองว่าตนเองยังไม่มีความพร้อมในการจัดทำกระบวนการทำงานเพื่อรองรับให้มีการนำนโยบายมาปรับใช้

ซึ่งผลสำรวจความพร้อมข้างต้น จะสอดคล้องกับคำถามปลายเปิดที่สอบถามว่า “ต้องการสนับสนุนอะไรจาก PMAT ในการดำเนินการตาม PDPA”  พบว่า ความต้องการในลำดับต้นๆจะเป็นเรื่องการฝึกอบรม การให้คำปรึกษา บริการขอคำปรึกษาแนะนำการปรับใช้ คำแนะนำการออกแบบเอกสาร การให้แนวทางการทวนสอบว่าได้ดำเนินการถูกต้องตาม PDPA หรือไม่

ความพร้อมและความเห็นขององค์กรต่อการนำ Technology / Application มาปรับใช้

1. ด้านการนำ Technology / Application เข้ามาช่วยในกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับ PDPA

40 องค์กร หรือ 47.1% มองว่าองค์กรได้นำ Technology และ/หรือ Application เข้ามาช่วยในกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการปรับใช้ PDPA อีก 45 องค์กร หรือ 52.9% มองว่าองค์กรยังไม่ได้นำ Technology และ/หรือ Application มาปรับใช้

2. ความเห็นต่อความจำเป็นในการนำ Technology / Application มีความจำเป็นต่อกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับ PDPA

75 องค์กร หรือ 88.2% มองว่าเป็นความจำเป็นขององค์กรที่จะต้องนำ Technology และ/หรือ Application มาช่วยในการปรับใช้ PDPA อีก 10 องค์กร หรือ 11.8% มองว่าไม่มีความจำเป็น

โดยองค์กรที่มองว่า Technology จำเป็นสำหรับการดำเนินการตาม PDPA คือ Technology หรือ Application ที่มาช่วยในการเก็บข้อมูล ช่วยในกระบวนการขอความยินยอม มาช่วยในทุกกระบวนการที่จำเป็น และมาช่วยควบคุมการเข้าถึงข้อมูล

จากผลสำรวจที่ได้นำเสนอดังข้างต้น แม้จำนวนกลุ่มตัวอย่างจะไม่มากนัก แต่ก็สะท้อนให้เห็นภาพรวมว่า องค์กรส่วนใหญ่จะมีความพร้อมในการกำหนดนโยบาย ข้อบังคับเกี่ยวกับ PDPA แต่ยังขาดความพร้อมในจัดทำเอกสารหรือแบบฟอร์ม รวมทั้งการจัดทำกระบวนการทำงานเพื่อนำนโยบายหรือข้อบังคับไปสู่การปฏิบัติ และเมื่อมองในเรื่องของการนำ Technology มาช่วยในการดำเนินการแล้ว องค์กรส่วนใหญ่เห็นว่าจำเป็น แต่องค์กรที่ได้นำ Technology มาปรับใช้ยังมีจำนวนไม่มาก และหากดูลงไปในรายละเอียดของเทคโนโลยีที่นำมาปรับใช้ จะเป็นเทคโนโลยีทางด้านการเก็บข้อมูล ทางด้านการป้องกันข้อมูลมากกว่าจะเป็น Technology ที่ตอบสนองกับกระบวนการที่สนับสนุนการดำเนินการตามเงื่อนไขของ PDPA

หวังว่าผลสำรวจเล็กๆชิ้นนี้ จะเป็นข้อมูลที่จะทำให้ผู้เกี่ยวข้องได้เห็นภาพแล้วนำไปต่อยอดในการยกระดับความรู้ ความเข้าใจ รวมทั้งพัฒนา Technologyและหรือ Application เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินการตาม PDPA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Tag:
No items found.
Share this post:
ดิลก ถือกกล้า

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024