>
The New Way of Performance Management
October 20, 2021

The New Way of Performance Management

มาออกแบบการบริหารผลงานแบบใหม่กันเถอะ.......

เมื่อองค์กรทั่วโลกมาถึงยุค The Great Reset หรือการเริ่มต้นครั้งใหม่ครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบกับวิถีชีวิตของมนุษย์ รวมถึงการทำงานรูปแบบใหม่ หรือ The New Way of Working ซึ่งเน้นเรื่องของความ "ยืดหยุ่น" ทั้งในเรื่องของสถานที่ และช่วงเวลาการทำงาน เมื่อมีการตัดสินใจที่จะไปสู่วิถีการทำงานแบบใหม่สิ่งแรกที่องค์กรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ คือเรื่องของ Productivity บางองค์กรใช้วิธีการสำรวจเพื่อรับทราบความคิดเห็นจากพนักงานเมื่อได้ทดลองนโยบายการทำงานรูปแบบใหม่ว่ามี Productivity เป็นอย่างไร สำหรับองค์กรที่สามารถวัดจำนวนชิ้นงานที่พนักงานทำออกมาได้ ก็จะสามารถวัดผลของงานได้ชัดเจนขึ้น ในช่วงที่มีการปรับเปลี่ยนนโยบาย เช่น ถ้าคุณเป็น Call Center ก็สามารถวัดผลงานจากจำนวน Transaction ที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร และสามารถวัดความพึงพอใจของผู้ใช้บริการหลังรับบริการ ซึ่งการวัด Productivity เป็นการวัดผลรูปแบบหนึ่งในเชิงปริมาณ (Quantitative) แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่องการบริหารผลงาน (Performance Management)ในภาพรวมและมองไปในระยะยาว คงจะต้องมองในมุมอื่นๆที่เป็นเชิงคุณภาพ (Qualitative) เพิ่มเติมด้วย เช่น พฤติกรรมการทำงาน แรงจูงใจ และโอกาสในการพัฒนา ของพนักงาน ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารผลงาน

"What gets measured gets managed." จากคำกล่าวของ Peter Drucker ปรมาจารย์ด้านการบริหารจัดการ สามารถใช้เป็นแนวคิดด้านการบริหารผลงานได้ แม้ว่าจะเป็นรูปแบบการทำงานแบบใหม่ หัวใจสำคัญของการบริหารผลงานคือเรื่องของการวัดผล ถ้าเราสามารถวัดผลหรือมีตัวชี้วัดที่ชัดเจนเราจะสามารถบริหารให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการได้ มากไปกว่านั้น ในการบริหารผลงานอาจมีข้อกังวลอื่นๆ เช่น การจัดการกับ Bias หรืออคติ ที่มีในกระบวนการบริหารผลงานด้วย เช่น Saliency Bias หรือการจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่นาน มากกว่าการจดจำภาพรวมของสิ่งที่เกิดขึ้น ผลงานที่ดีก่อนหน้าการประเมินผลงานเพียงไม่กี่เดือน อาจจะมีผลต่อการประเมินผลงานทั้งปี รวมถึงอคติอื่นๆ ที่อาจเกิดเพิ่มขึ้นจากการทำงานแบบไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ เช่น Distance Bias หรือการให้ความสำคัญกับคนใกล้ตัวหรือคนที่เจอกันบ่อยๆ พนักงานที่เลือกทำงานที่ออฟฟิศและมีโอกาสได้เจอหัวหน้าบ่อยๆ อาจจะได้รับการประเมินผลที่ดีกว่าพนักงานที่ทำงานนอกออฟฟิศ เพราะฉะนั้น การประเมินผลควรจะทำให้เกิดความเป็นธรรม และโปร่งใส เพื่อให้องค์กรได้ทั้งผลงาน และพนักงานก็มีความเชื่อใจกับกระบวนการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาคนเก่งให้อยู่กับองค์กรเมื่อรับรู้ได้ว่าองค์กรมีการบริหารงานที่มีความเป็นมืออาชีพ

ในการบริหารผลงานแบบ The New Way of Work หลักการพื้นฐานในการประเมินผลอาจจะไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก แต่ควรให้ความสำคัญกับเรื่องของการทำอย่างไรให้ผู้ประเมินมีข้อมูลให้มากที่สุด ทั้งข้อมูลในด้านตัวเลข รายละเอียดความคืบหน้าของงาน หรือการรับทราบข้อมูลในเชิงพฤติกรรม ข้อมูลที่มากพอทำให้เหมือนมีแว่นตาที่มองเห็นได้ทุกสิ่งเปรียบได้กับ "การมองเห็นในโลกเสมือน" หัวหน้าไม่จำเป็นต้องเจอลูกน้องแบบ Face to Face แต่จะทำยังไงให้หัวหน้ามองเห็นผลงาน พฤติกรรมการทำงานที่สะท้อนออกมาในรูปของผลงาน ได้อย่างชัดเจนขึ้น วันนี้จะขอชวนผู้อ่านทุกท่านร่วมกันออกแบบ วิธีการบริหารผลงานรูปแบบใหม่ เผื่อจะได้ลองไปปรับใช้กันนะครับ

การตั้งเป้าหมาย - เน้นผลลัพธ์ระยะสั้น ยืดหยุ่น และยังคงต้องตั้งเป้าหมายให้ SMART

หลักการตั้งเป้าหมายที่ Classic ที่สุดยังคงสามารถใช้ได้อยู่คือหลักการตั้งเป้าหมายแบบ SMART : Specific เฉพาะเจาะจง ตรงกับงานที่ได้รับมอบหมาย Measurable สามารถวัดผลได้ มีตัวชี้วัดที่ชัดเจน Achievable สามารถทำให้สำเร็จได้ภายใต้กรอบระยะเวลา และทรัพยากรที่มี แต่ยังต้องคงความท้าทาย Realistic สมเหตุสมผล สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน Timely มีช่วงเวลาที่กำหนดชัดเจน นอกจากนี้ ด้วยความที่การทำงานแบบใหม่อาจจะมีความไม่แน่นอนเหมือนเดิม ลูกค้าเปลี่ยนแปลงความต้องการอย่างรวดเร็ว ความท้าทายจากสิ่งที่คาดเดาได้ยาก เช่น โรคระบาด หรือวิกฤตการณ์โลกร้อน การตั้งเป้าหมายแบบวัดผลกันตลอดทั้งปี ควรจะต้องเปลี่ยนไปเป็นการตั้งเป้าหมายที่วัดผลระยะสั้นลง และมีการกำหนดผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยอาจจะยืมหลักการของ OKRs (Objective and Key Results) มาใช้ในด้านการกระชับเป้าหมายและตัวชี้วัด พร้อมกับการแสดงผลข้อมูลตัวชี้วัด และความคืบหน้าของตัวชี้วัดแบบที่ทุกคนในองค์กรสามารถมองเห็นกันได้อย่างโปร่งใส พร้อมกันนี้องค์กรก็จะต้องเปิดใจรับกับการตั้งเป้าหมายยืดหยุ่นหรือ Agility กับเป้าหมายใหม่ๆ ที่มีความสำคัญและควรจะต้องมีการปรับปรุงหรือเพิ่มเติมจากที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้เมื่อตอนเริ่มกระบวนการตั้งเป้าหมายประจำปี ทั้งนี้ การตั้งเป้าหมายในรูปแบบการทำงานใหม่ หัวหน้างานควรมีการสื่อสารกับพนักงานให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น เพื่อสอบถามเกี่ยวกับข้อกังวลใจต่างๆ เช่น การบรรลุตามเป้าหมาย ความต้องการในการได้รับการสนับสนุน การพัฒนาที่ต้องการจากองค์กรหรือจากหัวหน้างาน เพื่อทำให้เป้าหมายที่ตั้งไว้มีโอกาสที่จะทำให้สำเร็จได้มากกว่าการที่ไม่มีการพูดคุยตกลงกันตั้งแต่ต้น

การติดตามผลระหว่างปี - ใช้เทคโนโลยีควบคู่กับให้ผู้นำแสดงบทบาทการบริหารผลงานของทีม

จากรายงานสำรวจของ Workhuman Analytics & Research study ที่ทำอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2016 พบว่าการทบทวนผลการปฏิบัติงาน การ Feedback หรือการประเมินผลแบบ 1 ครั้งต่อปี เริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ องค์กรให้ความสำคัญกับการให้ Feedback เกี่ยวกับการปฏิบัติงานมากขึ้น ทั้งในเรื่องของจำนวนการให้ Feedback ใน 1 ปี จากหัวหน้า และการพัฒนาทักษะการให้ Feedback และการ Coach เพื่อพัฒนาพนักงานในองค์กร จากรายงานฉบับเดียวกันพบว่า ยิ่งทำงานแบบระยะไกลหรือ Remote Working ยิ่งต้องสื่อสารให้มากขึ้น การให้ Feedback มากกว่าแค่ปีละครั้ง จะยิ่งพัฒนาผลงานของพนักงานให้ดีขึ้น และยังช่วยสร้าง Engagement ที่สูงขึ้นของพนักงานอีกด้วย ซึ่งการให้ Feedback กับพนักงานควรจะมีการตกลงกันให้ชัดเจนกับพนักงานว่าจะ Feedback กันเมื่อไหร่ เพื่อให้ทั้งหัวหน้างานและพนักงานมีการเตรียมพร้อมในการเจอกันแต่ละครั้งและมีเป้าหมายในการสนทนาอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ในเรื่องของ "การมองเห็นในโลกเสมือน" จะเกิดขึ้นได้ จะต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เป้าหมายที่มีการกำหนดควรมีระบบดิจิตอลที่ใช้ในการเก็บข้อมูล องค์กรควรจัดทำระบบข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลที่แสดงผลงานได้แบบ Realtime และข้อมูลอื่นๆ ก็ควรให้พนักงานสามารถเข้ามา รายงานความคืบหน้าได้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพูดคุยระหว่างหัวหน้างานและพนักงานได้อย่างชัดเจน และเป็นรูปธรรม รวมถึงข้อมูลที่มีการจัดเก็บในระบบ ยังช่วยลดอคติดังที่กล่าวไปข้างต้นได้อีกด้วย

การประเมินผลงาน - ให้รางวัลที่สามารถรักษาคนเก่งไว้ได้ และนำไปสู่เรื่องของการพัฒนา

เมื่อการตั้งเป้าหมายเป็นไปอย่างเหมาะสม มีการติดตามและให้ Feedback จากหัวหน้างานเป็นอย่างดี มีระบบที่จัดเก็บข้อมูลความคืบหน้าของผลงานเป็นระยะ การทำเรื่องของการประเมินผลและการให้รางวัลพนักงานเมื่อปลายปีจะไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่ควรระวังจากการทำงานรูปแบบใหม่ คือการทำให้เกิดความเท่าเทียมกันทั้งพนักงานที่ปฏิบัติงานแบบ Office Based , Hybrid Working และ Work anywhere based หัวหน้างานควรจะตัดสินใจภายใต้ผลงานที่เกิดขึ้นจริง ตามเป้าหมาย มากกว่าให้คะแนนคนที่ได้เจอกันแบบ Face to Face บ่อยกว่า นอกจากองค์กรจะต้องให้รางวัลให้ถูกคนแล้วสิ่งหนึ่งในด้านการให้รางวัลคือการให้รางวัลในรูปแบบที่ไม่ใช่ตัวเงิน คือการ Recognition หรือการกล่าวชมเชย เมื่อพนักงานทำได้ดี ไม่จำเป็นต้องรอถึงปลายปี หัวหน้างานอาจกล่าวชมเชยในการประชุมทีมงาน หรือแสดงออกให้พนักงานรับรู้ถึงความตั้งใจและชื่นชมในผลสำเร็จของงาน นอกจากนี้การสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กร ผลการประเมินจากพนักงานควรนำไปต่อยอดสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีการเชื่อมโยงข้อมูลจากผลการประเมินไปสู่ การวางแผนเพื่อพัฒนาพนักงานในปีต่อไป

หลักการของการบริหารผลงานในยุค The New Way of Working ไม่ได้มีหลักการที่เปลี่ยนไปจากพื้นฐานมากนัก แต่ก็มีรายละเอียดบางอย่างที่ควรจะใส่ใจเพิ่มมากขึ้น ผู้ที่จะมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นก็คือหัวหน้างาน นอกจากการทุ่มเทกับการให้ Feedback พนักงานอย่างต่อเนื่องแล้ว สิ่งสำคัญคือ Mindset ของหัวหน้างานในยุคใหม่ จะต้องขับเคลื่อนงานของทีมงานด้วย Trust เนื่องจากหัวหน้าอาจจะไม่ได้เห็นพนักงานนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่จะต้องเชื่อมั่นว่าทีมงานของตนจะทำงานเต็มที่ และใช้เทคโนโลยีการเก็บข้อมูลด้านผลงานเป็นเครื่องมือที่จะทำให้หัวหน้างานประเมินผลได้อย่างแม่นยำ และสามารถช่วยลดอคติจากการประเมินผล ทำให้พนักงานเชื่อมั่นในผลการประเมินจากองค์กรและยอมรับระบบประเมินผลขององค์กร พร้อมที่จะนำสิ่งที่ควรปรับปรุงจากการประเมินผลงานไปพัฒนาต่อไป

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อ้างอิง

Performance Management Evolves (www.shrm.org)

Enhancing performance management in the post-pandemic era (www.peoplemattersglobal.com)

Individual performance management in the COVID-19 world (www.mckinsey.com)

How to manage performance reviews during the COVID-19 pandemic (www.michaelpage.com.sg)

Rethinking Performance Management for Post-Pandemic Success (sloanreview.mit.edu)

Tag:
No items found.
Share this post:
ชินภัทร์ สุวรรณพุ่ม

Related Knowledge Hub

Join for free and get personalized recommendations, updates and offers.
No items found.
Global trend to VUCA World
แนวโน้มการจ้างงานใหม่ของทั้งโลกจะอยู่ที่เอเชีย ในยุโรปจะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่คนชั้นกลางประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์จะอยู่ในเอเชีย เพราะฉะนั้นเอเชียจึงเป็นย่านที่น่าสนใจในการลงทุน ทำการค้าและอุตสาหกรรม ในเอเชีย ประเทศที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ฮ่องกง แต่ตอนนี้มีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ เรื่องการเลือกตั้งทำให้ลุกลามไปเป็นใหญ่และยังไม่จบสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยาวนาน ส่งผลต่อการค้าการทำธุรกิจ ถ้าพิจารณาทั่วโลกจะพบว่ามีความขัดแย้งแบบนี้ทั้งในประเทศฝรั่งเศส อียิปต์ อังกฤษ ถ้าหากธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยดี แล้วก็มีการประท้วงขึ้นมา เราจะทำอย่างไร และในสมัยนี้มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการนัดประท้วงผ่านทาง facebook นัดหมายผ่านทาง twitter ให้มารวมตัวกัน และแสดงให้โลกเห็นผลกระทบของการประท้วงผ่านทาง youtube จะเห็นได้ว่า Social Technology เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพ แวดล้อมของการแข่งขันการทำธุรกิจ ประกอบกับ Social movement ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ คาดการณ์ไม่ได้ เกิดอย่างรวดเร็วรุนแรง และถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้ดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ธุรกิจย่อมจะมากขึ้น
December 18, 2025
No items found.
AI จะมาแย่งงานคน HR ได้หรือไม่
กระแสของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เห็นความฉลาดที่มันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คนเราจะทำได้ ทั้งทำได้มากกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ได้สร้างให้เกิดความรู้สึกทั้งความตื่นเต้นกับความมหัศจรรย์ของ AI และความวิตกกังวลว่า เราจะถูก AI แย่งงาน เกิดความกังวลไปทุกๆสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้เเต่งาน HR
March 27, 2025
No items found.
ใช้ AI โดยยังให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์ด้วย PRIDE
ปฏิเสธไมได้ว่า การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือกขององค์กร แต่ข้อที่เป็นความกังวลคือ การใช้ AI อย่างไรที่ไม่ทำให้คนในองค์กรรู้สึกถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยความสามารถที่เหมือนจะด้อยกว่า AI
December 19, 2024