จะเห็นได้ว่าไม่ว่างานรูปแบบที่แตกต่างกันทางวิชาชีพแค่ไหนระบบ ChatGPT ก็ยังสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการทำงานได้เสมอขึ้นอยู่กับคำสั่ง และจินตนาการของคนทำงานว่าจะประยุกต์ใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์ที่สุด Harvard Business Review ได้มีบทความที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น HowGenerative AI Could Disrupt Creative Work หรือ HowGenerative AI Will Change Sales ซึ่งการเปลี่ยนไปของโลก และ AIเรื่อมเชื่อมโยงกันมากขึ้นในการอยู่ “ร่วมกัน” มากกว่ากลัวและกีดกันให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานนั่นเอง
กระแสของความต้องการนำระบบปัญญาประดิษฐ์มาเป็นส่วนหนึ่งของงานไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดเวลาการทำงานหรือแม้กระทั่งทำเพื่อสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรแห่งอนาคตก็ตามทุกอย่างล้วนแล้วแต่ต้องมีความเข้าใจที่มิใช่เพียงผิวเผินต่อการทำงานร่วมกันเปรียบเสมือนโลกในสมัยที่เพิ่งค้นพบระบบการขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงและสามารถขับขี่รถยนต์ได้ตามท้องถนนความวุ่นวายย่อมเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์ต้องทำงานร่วมกับเครื่องมือใหม่ ๆเนื่องจากยังขาดประสบการณ์และยังไม่มีตัวอย่างกรณีศึกษาในข้อผิดพลาดให้ต้องระมัดระวังมากนัก อุบัติเหตุต่างๆ จึงเกิดขึ้น และเพื่อไม่ให้เกิดความอลหม่านวุ่นวายจนควบคุมไม่ได้เราจึงต้องตั้งกฎระเบียบต่าง ๆ ขึ้นมา เพื่อจำกัดการใช้หรือสร้างกรอบกระบวนการต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อแนะนำ หรือแม้กระทั่งคู่มือการใช้งานรวมไปถึงการทดสอบวัดผลต่าง ๆ เพื่อให้เราเข้าใจการใช้งานให้ปลอดภัยอย่างถ่องแท้
ความไม่รู้เป็นสิ่งที่น่ากลัว เนื่องจากเรายังขาดบทเรียนต่างๆ เพื่อให้ตั้งรับข้อผิดพลาดได้ทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำระบบงานใหม่ ๆเข้ามาประยุกต์ใช้ในองค์กร ที่จะต้องส่งมอบผลิตภัณฑ์ หรือบริการเมื่อเราหันกลับมามองภาวะการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ ChatGPT โดยข้อมูลจากสำนักข่าว Reuters ระบุว่า chatbot ชื่อดังจากโครงกา OpenAI นั้นมีผู้ใช้งานมากกว่าหนึ่งร้อยล้านคนภายในระยะเวลาเพียงสองเดือนภายหลังเปิดให้ใช้งานทั่วไปทำให้มันการเป็นโปรแกรมใช้งานสำหรับผู้บริโภคที่เติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์โลก (และ Google สูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดไปมากกว่าหนึ่งหมื่นล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ)การก้าวเข้ามาอย่างเต็มตัวของระบบปัญญาประดิษฐ์นั้นทำให้มีหลายคนเริ่มหวาดกลัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวการณ์แย่งงาน ซึ่งเรามักจะได้ยินตามเวทีสัมมนาต่าง ๆ ว่าการเอาตัวรอดจาก AI คือการพยายามพัฒนาทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ และยกระดับ (Upskill) ตัวเองในทักษะต่าง ๆ ที่คอมพิวเตอร์ยังตามไม่ทัน แต่เมื่อระบบสร้างรูปวาดเสมือนจริงเพียงกรอกคำสั่งที่เราเรียกว่า prompt engineering เกิดขึ้นมาทำให้คนที่ไม่มีความรู้ด้านงานออกแบบ สามารถสร้างรูปวาดที่สวยงามจาก AI ได้ (เช่น Midjourney หรือ Dall-E)
ดังนั้นเพื่อก้าวไปสู่หนทางแห่งอนาคตเราจึงไม่ควรตั้งคำถามอีกต่อไปว่า สิ่งไหนดีกว่า หรือสิ่งไหนฉลาดกว่ากันหากแต่ควรตั้งคำถามว่าแล้วเราจะต้องอยู่ร่วมกันอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงที่สุดโดยนักเขียนสองท่าน Dorie Clark และTomas Chamorro-Premuzic ผู้แต่งหนังสือ I, Human: AI,Automation, and the Quest to Reclaim What Makes Us Unique ได้ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการตอบคำถามข้างต้นเอาไว้ดังนี้
1.) อย่าใช้AI เติมคำในช่องว่างโดยอัตโนมัติตลอดเวลา
สังเกตไหมครับว่าช่วงหลังช่อง search ใน Google หรือหากใครใช้ Gmail บ่อยๆ ก่อนที่เราจะพิมพ์คำว่า Thank you เสร็จ ระบบมักจะคาดเดาไว้ก่อนเลยว่าเราจะพิมพ์คำว่า Thank you for … เนื่องจากระบบได้ทำการเรียนรู้จากคนทำงานหลายล้านคนว่าเวลาคนเราเขียนจดหมายทางธุรกิจหรือจดหมายที่เป็นทางการ เรามักจะมีแบบแผนในการเขียนคล้ายกันไปหมดดังนั้นเราจึงต้องเข้าใจหลักการทำงานของปัญญาประดิษฐ์ก่อนว่าการสะสมรวบรวมข้อมูลย่อมมีข้อจำกัดดังนั้นหากเราเผลอตัวพึ่งพา AI จนมากเกิน เราอาจจไม่ได้กำลัง“ค้นพบสิ่งใหม่” แต่เป็นสิ่งที่มีคนหลายคนกำลังค้นหาอยู่แล้วโดนระบบจัดระเบียบให้มาเจอกันระบบนี้จะเหมาะสมหากเราใช้เพียงงานเล็ก ๆ หรือใน scale ที่ไม่กว้างมากดังนั้นหากเราหยิบ ChatGPT มาเพื่อช่วยร่างงานต้นฉบับคร่าว ๆแล้วนำไปแต่งเติมเองจึงจะมีประโยชน์มากกว่าสั่งให้มันเติมคำในช่องว่างให้เต็มแล้วนำไปใช้งานเลยนั่นเอง
2.) พัฒนาทักษะที่AI ทำได้ช้าเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัด
AI นั้นทำงานได้จากการฝึกฝน (Training) ก็เหมือนกับมนุษย์เราที่เก่งขึ้นได้จากการเรียนรู้ไปเรื่อยๆ หากเราสังเกต ChatGPT จะมีนิสัยที่ค่อนข้างสุภาพและเคารพผู้ถามเสมอนั่นเป็นเพราะระบบได้รับการ train มาให้เป็นแบบนั้นดังนั้นหากคุณนำระบบ chatbot ไปใช้ในภาคบริการอาทิเช่นงานตอบคำถามลูกค้า หรือรับเรื่องร้องเรียน การใช้อารมณ์ความรู้สึกเข้าอกเข้าใจหรือการพยายามปลอบประโลมให้เหมาะสมกับสถานการณ์อาจจะยังไม่ใช้ถูกแทนที่ด้วยปัญญาประดิษฐ์ได้นั่นเอง
3.) มองโลกแห่งความจริงให้มากขึ้นสองเท่า
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลอาทิเช่นงานรัฐกิจสัมพันธ์ หรือการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ ยังคงเป็นงานที่ “analog” อยู่ ดังนั้นในโลกแห่งความจริงนี้ AI ไม่สามารถทำงานได้แน่นอน เพราะฐานข้อมูลที่นำไปสู่ความเก่งกาจของ AI คือตัวเลขทางดิจิตอลที่เป็นเลข 0 กับ 1ดังนั้น AI จึงยังไม่สามารถสร้างผลงานที่ยังไม่ถูกค้นพบในโลกแห่งความเป็นจริงและนำเข้าระบบได้นั่นเอง
4.) พัฒนาแบรนด์ของตนเอง
แม้ว่าเราจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการจ้างdesigner 1 คนให้ออกแบบตราสินค้าให้กับเราได้โดยการใช้ Stable Diffusion หรือจ้างให้ AI ออกแบบแทน (แน่นอนว่าแทบจะไม่มีค่าใช้จ่ายถ้าไม่นับรวมค่าไฟฟ้าและอินเตอร์เนท) อย่างไรก็ตามผู้คนก็ยังคงแสวงหาคุณค่าทางสังคมและจิตใจจากเจ้าของผลงานที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับจากรอบด้านมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น ผู้สะสมภาพวาดย่อมอยากสะสมผลงานของ Picasso ที่วาดโดยจิตกรเองมากกว่าผลงานที่เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่ได้รับการเรียนรู้ให้ออกแบบมาคล้ายงานของจิตกรชื่อดังดังนั้นหากเราสามารถสร้างภาพลักษณ์ของตนเองให้เป็นที่ยอมรับได้ ไม่ว่าจะเป็นฝีแปรง รสมือ จังหวะดนตรี ที่เป็นที่นิยมและชื่นชอบได้ ย่อมตอบโจทย์ความต้องการทางสังคมได้มากกว่าแน่นอน
5.) เก็บเกี่ยวประสบการณ์
มนุษย์ผิดพลาดเป็นแลผิดพลาดบ่อย เราล้มแล้วลุกขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อทำความเข้าใจว่าเกิดจากสาเหตุอะไรจากนั้นเราจึงพัฒนาตนเองให่เก่งขึ้นได้เรื่อย ๆเราสามารถพิชิตยอดเขาที่สูงทีสุดในโลกได้เรื่อย ๆเราสามารถบินออกไปสู่ดางจันทร์และดาวเคราะห์อื่น ๆ ได้ นั่นเพราะเราเรียนรู้ วัดผลแลพัฒนา จนเรากลายเป็นผู้มากประสบการณ์ นักกีฬาแชมป์โลกมีมัดกล้ามเนื้อที่มีประสบการณ์จากหลากหลายสนามจนแทบจะเป็นธรรมชาติเมื่อเจอเหตุการณ์บางอย่างที่เคยจดจำมาได้แล้วจึงตอบโต้ไปโดยอัตโนมัติ นักฟุตบอลที่เตะจุดโทษพลาด เรียนรู้ว่าต้องแก้ปัญหาอย่างไรในขณะที่ AI นั้นไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าสิ่งใดคือข้อผิดพลาด ไม่สามารถตัดสินใจได้จึงมีความเสี่ยงสูงมากที่ข้อมูลที่ผลิตออกมาอาจจะเป็นเรื่องที่คลาดเคลื่อนไปจากความจริง จึงเป็นหน้าที่ของมนุษย์ที่ยังคงต้องตรวจสอบการทำง
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ใช้ HR Tech Solution อยู่แล้ว หรือกำลังมองหา HR Tech Solution ใหม่ๆ สมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT) กำลังจะมีงาน Thailand HR Tech Conference & Exposition 2023 ในวันที่ 14-15 มิถุนายน 2566 เวลา 08:00 น. - 17:00 น. ณรอยัลพารากอน ฮอล์ล ชั้น 5 สยามพารากอนซึ่งธีมหลักในปีนี้คือ Everything Everywhere Augmented ในงานนี้ได้รวบรวม HR Tech Solution ทุกรูปแบบที่นำมาเสนอกับผู้ร่วมงานพร้อมเวทีแสดงความคิดเห็นจากผู้ใช้จริงจึงไม่ควรพลาดสำหรับ HR สาย Tech ทุกคนที่จะได้เข้ามาร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่ๆไปด้วยกัน
อ้างอิง:
9 in 10 companies that are currently hiring want workers with ChatGPT experience- ResumeBuilder.com
HowGenerative AI Is Changing Work (hbr.org)
ChatGPTsets record for fastest-growing user base - analyst note | Reuters
5Ways to Future-Proof Your Career in the Age of AI (hbr.org)