ในขณะที่เทคโนโลยีก้าวข้ามผ่านกระแสเกลียวคลื่นไปอย่างไม่หยุดยั้งการดูแลพนักงานก็เช่นเดียวกัน เรากำลังเข้าสู่ยุคสมัยแห่ง DEI หรือ Diversity Equity และ Inclusion
คนจำนวนหนึ่งอาจจะยังไม่เคยได้ยินคำนี้แต่ก็มีคนจำนวนมากที่รู้จักกับคำนี้เพราะเป็นกระแสที่กำลังได้รับการจับตามองในเรื่องของการดูแลพนักงานในองค์กรการจับตามองนี้มาจากพนักงานที่อยู่กับองค์กรอยู่แล้วและคนที่กำลังคิดที่จะสมัครงานเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
D : Diversity หมายถึง ความหลากหลายของพนักงานในองค์กรไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เพศ อายุ เชื้อชาติ ศาสนา ความแตกต่างทางด้านร่างกายซึ่งเริ่มเป็นที่พูดถึงมากขึ้น นอกเหนือไปจากความแตกต่างด้าน ความรู้ ทักษะและประสบการณ์
E : Equity หมายถึง การให้ความเป็นธรรมกับคนในองค์กร Equity ไม่เท่ากับ Equality คำว่า Equality หรือความเท่าเทียมจะหมายถึงการจัดสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์ใดๆ ให้กับพนักงานในองค์กรแบบเท่ากันใครต้องได้อะไรก็จะได้เหมือนๆกัน เท่าๆกันซึ่งก็มักจะเกิดปัญหาแบบที่สุภาษิตไทยโบราณ กล่าวว่า "หัวล้านได้หวี""ตาบอดได้แว่น" การจัดสรรสิ่งต่างๆให้พนักงานโดยใช้หลักการแบบการให้ความเป็นธรรมหรือ Equity จะคำนึงถึงความเหมาะสมในการได้รับของคนที่มีความแตกต่างกัน เช่น คนที่มีบุตรควรได้รับอะไรหรือคนที่มีคู่รักเพศเดียวกันควรได้รับอะไรเป็นแนวคิดที่มุ่งเรื่องผลลัพธ์มากกว่าการได้กระทำ
I : Inclusion หมายถึงการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงออกของคน รวมถึงการคิดถึงคนทุกๆกลุ่มในองค์กรไม่ว่ากลุ่มนั่นจะมีมากหรือน้อย การรับ
ฟังเสี่ยงส่วนน้อยและการออกนโยบายใดๆ จากองค์กร จะมีการคำนึงถึงทุกๆคนในองค์กร เป็นอย่างดีมีการประพฤติต่อกันอย่างให้เกียรติ
จากรายงานของ McKinsey พบว่าองค์กรที่ผู้บริหารมีความหลากหลายจะมีโอกาสที่จะทำกำไรได้มากกว่าองค์กรอื่น 25% และผู้สมัครกว่า 40% ตัดสินใจที่จะไม่ไปร่วมทำงานเมื่อรู้สึกว่าไม่ได้รับการใส่ใจหรือเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร นอกเหนือจากข้อมูลข้างต้นยังพบอีกว่าการที่องค์กรมีความหลากหลาย และการเปิดกว้างในการรับฟังกลุ่มคนต่างๆจะช่วยให้องค์กรสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆที่มีมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าองค์กรที่พนักงานไม่ได้รับรู้ถึงบรรยากาศเหล่านี้การทำเรื่อง DEI มีผลทั้งในด้านการดึงดูด (Recruitment) และด้านการรักษาพนักงาน (Retention)โดยสรุปเป็นเรื่องสำคัญที่จะได้จากโปรแกรมนี้ดังนี้
1.การดึงดูด Talent การเปิดกว้างในการรับพนักงานที่มีความหลากหลายจะเป็นช่องทางในการสรรหาพนักงานที่มีความสามารถได้
2.ความหลากหลายเป็นสิ่งที่งดงามองค์กรที่มีความคิดจากคนที่หลากหลายจะช่วยให้การตัดสินใจมีการคิดอย่างรอบคอบและสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น
3.ในด้านของความเข้าใจในลูกค้าซึ่งลูกค้าเองก็มีความต้องการที่หลากหลาย และมีลักษณะบุคลิกภาพ (Persona) ที่หลากหลายด้วยเช่นกันการที่เราเปิดกว้างรับพนักงานที่มีความหลากหลายก็ยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะเข้าใจลูกค้ารวมไปถึงสามาระสร้างนวัตกรรมใหม่ๆที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีขึ้น
4.วัฒนธรรมการทำงาน และการบริหารพนักงานแบบโปร่งใสตรวจสอบได้ จะช่วยสร้างการทำงานเป็นทีม และสร้างแรงจูงใจให้เกิดขึ้นกับพนักงานได้
5.การ Walk the talk ในเรื่องนโยบาย DEI นอกจากจะสามารถรักษาพนักงานไว้ได้ ยังช่วยเรื่องภาพลักษณ์ซึ่งจะส่งผลกระทบในด้านที่ดีกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) ภาคส่วนต่างๆขององค์กรอีกด้วย
หากได้อ่านมาถึงจุดนี้แล้วเชื่อว่าองค์กรน่าจะเห็นผลดีในการส่งเสริมเรื่อง DEI ในองค์กร แม้ว่าเรื่อง DEI จะมีทั้งเรื่องที่จับต้องได้ แต่ก็มีบางเรื่องที่จับต้องได้ยากองค์กรอาจจะลองเลือกและทำบางเรื่องก่อน เช่น บางองค์กรอาจจะพบว่าเพศหญิงไม่ได้รับการยอมรับก็อาจจะต้องส่งเสริมหรือให้โอกาสความเท่าเทียมทางเพศในองค์กรบางองค์กรอาจพบว่าสภาพสิ่งแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยให้กับพนักงานที่พิการก็อาจจะค่อยๆปรับในสิ่งที่สามารถทำได้ก่อน เป็นต้นสำหรับวิธีที่จะเริ่มนับหนึ่งให้ถึง DEI ลองนำแนวทางนี้ไปลองพิจารณากัน ดังนี้
1.การสื่อสารนโยบายในด้าน DEI อย่างชัดเจน เช่นนโยบายในการรับพนักงาน นโยบายในการแต่งกายตามเพศสภาพ หรือการให้สิทธิประโยชน์แก่ Partner ของพนักงานที่ยังไม่ได้สมรส
2.การให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องการประพฤติตัวต่อเพื่อนที่มีความแตกต่างและไม่เหมือนกับเพื่อนพนักงานกลุ่มใหญ่
3.การจัดกิจกรรมที่รับฟังและคำนึงถึงพนักงานทุกคนให้สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้
4.สร้างวัฒนธรรมความโปร่งใสในการบริหารงาน เช่นการบริหารผลงานต้องมีความชัดเจน โปร่งใส ตรวจสอบได้ซึ่งจะสร้างให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไว้ใจกัน และเห็นอกเห็นใจกัน
5.มีช่องทางในการแจ้งเรื่องกรณีที่มีเหตุการณ์ละเมิดเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ DEI พร้อมมาตรการในการแก้ไขและจัดการปัญหาแบบไม่ประนีประนอมเมื่อเกิดเหตุจะต้องจัดการอย่างรวดเร็วและสื่อสารทำความเข้าใจกับพนักงานในองค์กรและบุคคลภายนอกในองค์กร
DEI เป็นเรื่องที่องค์กรควรใส่ใจในทุก ๆสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นภาวะปกติ หรือในช่วงวิกฤต การทำ DEI ไม่สามารถปล่อยไปตามธรรมชาติเหมือนโยนเมล็ดพันธุ์ลงไปในพื้นดินแล้วคิดว่าจะงอกออกมาเป็นกิ่งก้านสาขาที่สมบูรณ์ได้เองแต่จะต้องมีการออกแบบกระบวนการมาเป็นอย่างดีและควรมีการบันทึกแนวทางปฏิบัติให้เป็นลายลักษณ์อักษรด้วยถ้าองค์กรมีการจัดการที่ดี มีการปลูกฝังเรื่อง DEI ที่ดีก็เหมือนกับการได้ทำ CSR ให้กับภายนอกด้วย ถ้าพนักงานดีเข้าใจและปฏิบัติ ก็จะนำไปสู่การสร้างสังคมที่ดีได้ในอนาคต
ที่มา
Diversitywins: How inclusion matters - McKinsey
WhyDiversity and Inclusion are so important in the workplace - mopinion
Unleash thepower of all - Korn Ferry
What isdiversity, equity, and inclusion? - McKinsey