จากฐานข้อมูลงานวิจัยของ Gallup นั้นค้นพบความน่าสนใจของสิ่งดังกล่าว คือ แม้ว่าพนักงานในหลาย ๆ องค์กรที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของการสำรวจจะเป็นการทำงานจากที่บ้าน หรือ Hybrid ก็ตาม นั่นหมายความว่า แม้ระยะทางจะห่างกันหรือการเข้าออฟฟิศจะลดน้อยลง แต่การมีเพื่อนสนิทในที่ทำงานก็ยังเป็นปัจจัยผลักดันให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กรในภาพรวม
จากกราฟข้างต้นแสดงให้เห็นว่า มีโอกาสถึง 49% ที่พนักงานตัดสินใจจะลาออกจากงานประจำโดยมีปัจจัยอันเกิดจากการที่ไม่มีเพื่อนสนิทในที่ทำงาน (อย่างไรก็ดี ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลเพียงส่วนหนึ่งของข้อคำถามที่มีหลายคำถามมิใช่เกิดจากปัจจัยดังกล่าวเพียงเรื่องเดียว)
ในขณะที่ข้อมูลบ่งชี้อีกประการที่สำคัญคือการที่พนักงานมีเพื่อนสนิทในที่ทำงาน จะสร้างความสุขในการทำงานมากขึ้นถึง 32% ซึ่งการที่ บริษัท Gallup ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันการทำวิจัยเรื่อง employee engagement มาอย่างยาวนั้นให้ความสำคัญกับเรื่องการมีเพื่อนในที่ทำงานนั้นก็เพราะว่าฐานข้อมูลที่ทางบริษัทได้ทำการเก็บรวบรวมมาอย่างยาวนานนั้นแสดงให้เห็นว่าบุคลากรในองค์กรมีแนวโน้มที่ต้องการสัมพันธ์อันดีในการทำงานมากขึ้น(หากท่านเคยได้ยินคำว่า toxic workplace คงจะพอเห็นภาพของประชากรวัยทำงานที่แสวงหาที่ทำงานที่สงบสุข สนุกสนาน และมีความไว้เนื้อเชื่อใจกันตลอดเวลา)
นอกจากนี้จากรายงานการสำรวจพบว่าหากพนักงานในองค์กรนั้น ๆ สามารถสร้างเพื่อนในที่ทำงานได้ เขาเหล่านั้นจะ
· มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและบุคคลร่วมองค์กรเดียวกัน
· ทำงานเสร็จเร็วมากขึ้น
· มีความใส่ใจต่อการเกิดอุบัติเหตุในการทำงานมากขึ้น
· สร้างและแชร์ไอเดียต่างๆ ที่ก่อให้เกิดนวัตกรรม
· มีความสนุกสนานในการทำงาน
สาเหตุที่การที่เราสามารถสร้างมิตรภาพในที่ทำงานส่งผลให้ภาพรวมของการทำงานดีขึ้นได้นั่นเพราะประสิทธิภาพในการสื่อสารต่าง ๆทั้งกระบวนการทำงาน การใช้เครื่องมือใหม่ ๆ ในการทำงาน การถ่ายทอดคำสั่ง การประชุมและการสื่อสารในภาพรวมจะยกระดับขึ้นไปอีกขึ้นหนึ่งเพราะความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันนั้นเป็นปัจจัยผลักดันในองค์กรสร้างความเชื่อมโยงระหว่างตัวบุคคลได้ดียิ่งขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่การทำงานแบบระยะไกลมีเพิ่มมากขึ้น
แล้วเราจะสร้าง “เพื่อน” ในองค์กรอย่างไร?
1.) สร้างตัวอย่างที่ดีจาก“ระดับหัวหน้า”
เนื่องจากการสร้างเพื่อนในที่ทำงานจำเป็นจะต้องมีตัวกระตุ้นที่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นหัวหน้างานลองคิดภาพการทำงานในรูปแบบปกติ การนัดเลี้ยงกินข้าวกลางวัน หรือการเดินไปพูดคุยเชื่อมสัมพันธ์ทั่วๆ ไปสามารถทำได้ง่ายมาก ในทางกลับกันการทำงานแบบ remote จำเป็นจะต้องอาศัยกระบวนการพิเศษเพิ่มเติมเข้าไปเช่น การชวนทีมคุยเล่นสัก 5-10 นาทีก่อนเริ่มประชุมใด ๆก็ตาม การที่ระดับหัวหน้างานเปิดโอกาสให้เห็นว่าไม่จำเป็นจะต้องมีพิธีการมากเกินไปในระหว่างวันจะสร้างทำให้ทีมงานรับทราบถึงบรรยากาศที่ดีในการเชื่อมสัมพันธ์ได้หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พนักงานจะไม่รู้สึกเหมือนนักเรียนที่ถูกห้ามคุยในระหว่างคาบเรียนนั่นเอง
2.) มิตรภาพจะเบ่งบาน หากวางแผนงานได้ดี
อีกเรื่องที่หัวหน้างานควรจะสร้างให้เกิดเป็นบรรยากาศการทำงานที่ดีคือการเฝ้า check-in เพื่อดูว่า ความสัมพันธ์ในทีมของตัวเองเป็นอย่างไรกระบวนการทำงานที่มีสร้างการทำงานที่เป็นมิตรระหว่างกันหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่นบางครั้งหากออกแบบการทำงานที่จำเป็นต้องตรวจสอบระหว่างกันมากเกินไปอาจทำให้มิตรภาพไม่ยั่งยืน เนื่องจากพนักงานต่างฝ่ายต่างก็จับตามองกัน เช่นการคำนวณ incentive หรือยอดขายส่วนบุคคลอาจแก้ได้ด้วยการสร้าง team incentive เป็นต้น หรือการวัด KPI ก็ควรจะใส่เรื่อง team work เข้าไปมากขึ้นเป็นต้น
3.) หมั่นสื่อสารเป็นระยะ
การสร้างกระบวนการสื่อสารแบบไม่เป็นทางการ ควรจะเน้นให้เกิดขึ้นตลอดเวลาในการทำงานหรือสร้างความเป็นทีมอย่างเป็นกันเองให้มากขึ้น อาทิเช่น การปล่อยให้เพื่อนร่วมงานได้มีโอกาสได้คุยเล่นระหว่างวันหรือการ set up deep work / focus work status (เช่นตั้งชื่อในโปรแกรม chat ว่า “กรุณาอย่าเพิ่งรบกวน”) เป็นต้นอย่างไรก็ตาม การสื่อสารควรเป็นการสื่อสารทั้งสองทางไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการพูดคุยอย่างเป็นกันเองด้วยเรื่องต่าง ๆ เช่นชวนกันไปกินข้าวนอกเวลางาน ชวนกันไปเล่นกีฬาหรือช่วยอำนวยให้เกิดบรรยากาศที่ลูกทีมของตัวเองสามารถพูดคุยกันได้อย่างอิสระ
บางองค์กรสนับสนุนให้เกิด “วัฒนธรรม” การสร้างเพื่อนในองค์กรโดยการจัดให้มีการเล่าเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีของคู่ซี้ในที่ทำงานเดือนละหนึ่งครั้งโดยเชิญเพื่อนสนิทสองคนมาแชร์ไอเดียในการทำงานที่เกิดจากการร่วมมือระหว่างกันเป็นต้น อย่างไรก็ตาม หน้าที่หนึ่งของ HR และเป็นงานที่ท้าทายมากที่สุดคือทำอย่างไรให้องค์กรที่ตนเองทำงานอยู่นั้นถ่ายทอดวัฒนธรรมดังกล่าวให้ไปถึงบุคลากรทุกระดับ
อ้างอิง:
The Increasing Importance of a BestFriend at Work (gallup.com)
Employees aren’t making friends atwork (hr-brew.com)