https://www.facebook.com/pmatHRsociety https://twitter.com/pmathrsociety https://www.youtube.com/user/PMATVideos http://line.me/ti/p/@pmat
สรุปสารประโยชน์จาก [#ThailandHRTech2023 Conference]
กลับš
[#ThailandHRTech2023]
Everything Everywhere Augmented
14-15 June 2023 @ Royal Paragon Hall


สรุปสารประโยชน์จาก [#ThailandHRTech2023 Conference

Topic: The digital economy: what it is and why it's the future of business
วิทยากร ดร.รัฐศาสตร์ กรสูต
Senior Executive Vice President/Chief Operation Officer
Digital Economy Promotion Agency (DEPA)

องค์การสหประชาชาติ (UN)ได้แบ่งส่วนของเศรษฐกิจดิจิทัลออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้:

ระดับเชิงกว้าง เป็นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารเมืองหรือกลุ่มเมืองใหญ่ ตัวอย่างเช่นการพัฒนาสมาร์ทซิตี้หรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ (learning platform) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเมืองที่อัจฉริยะและการเรียนรู้ออนไลน์

ระดับข้อมูล เป็นการใช้ข้อมูลดิจิทัลในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสร้างรายได้ ตัวอย่างเช่นการให้เช่าพื้นที่ที่เจ้าของไม่ได้ใช้แล้วซึ่งเป็นทรัพย์สินดิจิทัล

ระดับอุตสาหกรรมดิจิทัล เป็นแกนนำของวงการดิจิทัลที่มีองค์ประกอบ 5 เสาดำเนินธุรกิจดิจิทัลคือ

• ฮาร์ดแวร์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์สมาร์ท วงจรบนชิป
• บริษัทผลิตซอฟต์แวร์และที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
• การให้บริการข้อมูลที่ใช้เป็นแพลตฟอร์มธุรกิจ เช่น City Grab
• ระบบโทรคมนาคม
• อุตสาหกรรมเกม แอนิเมชั่น คาแรกเตอร์ และคริปโต
เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงการทำงานและมีการนำมาใช้มากขึ้น การใช้เทคโนโลยีทำให้ค่าใช้จ่ายต่ำลง ในปัจจุบัน ประมาณ 80% ของบริษัทชั้นนำ 100 รายในโลกเป็นบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีเป็นพื้นฐาน และในอีก 5 ปีข้างหน้า คาดว่าบริษัทชั้นนำ 100 รายในโลกจะดำเนินธุรกิจโดยอิงดิจิทัลเท่านั้น

เศรษฐกิจของประเทศสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับตาม ดังนี้

เกษตรกรรม: เป็นส่วนที่มีแรงงานจำนวน 12 ล้านคนทำงานในอุตสาหกรรมเกษตรกรรม อย่างไรก็ตาม, เกษตรกรรมมีส่วนร่วมใน GDP อยู่ในระดับต่ำสุดที่ประมาณ 8%.

ธุรกิจขนาดกลางและย่อย (SMEs): ประกอบด้วยบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในจำนวนประมาณ 3 ล้านบริษัท และมีแรงงานจำนวน 12 ล้านคนทำงานในธุรกิจเหล่านี้ ซึ่งสร้างรายได้ให้กับประเทศในอัตราส่วน GDP ประมาณ 34%.

บริษัทขนาดใหญ่: ประกอบด้วยบริษัทจำนวนประมาณ 1.3-1.4 พันบริษัท และมีแรงงานจำนวน 5 ล้านคนทำงานในบริษัทเหล่านี้ ซึ่งมีส่วนร่วมใน GDP ของประเทศอยู่ที่ร้อยละ 60.

อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจอยู่ใน กลุ่มพลังงาน การเงิน การขนส่ง อาหาร และสุขภาพ ซึ่งเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมดั้งเดิม โดยทั่วไปเมื่อพูดถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการขับเคลื่อน และสร้างมูลค่าสำหรับประเทศไทย ถ้าหากยังคงพึ่งพาอุตสาหกรรมดั้งเดิม จะเป็นอันตรายต่อการเติบโตที่เป็นของประเทศ ในขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น อินเดีย อินโดนีเซีย และกลุ่มประเทศในละตินอเมริกา เริ่มใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของพวกเขามากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจของพวกเขาขยายตัวอย่างรวดเร็วและเพิ่มสมรรถนะในการแข่งขัน ซึ่งอาจทำให้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยห่างหายไปเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน


ดังนั้นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาดิจิทัลที่สำคัญในปัจจุบัน ได้แก่

1. การเข้าถึงดิจิทัล (Digital Access): ไม่ใช่เพียงแค่การเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่หมายถึงระบบที่ทั้งหมดสามารถเข้าถึงได้ทางออนไลน์ ในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นฐานสำคัญในการพัฒนาดิจิทัล
2. การเชื่อมต่อดิจิทัล (Digital Connectivity): ข้อมูลสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
3. ข้อมูล (Data): เป็นสิ่งสำคัญในการทำงานดิจิทัล เพื่อให้มีข้อมูลที่เป็นพื้นฐานสำหรับการตัดสินใจและการวิเคราะห์เชิงลึก
4. การอัตโนมัติดิจิทัล (Digital Automation): เป็นกระบวนการทำงานที่ถูกโปรแกรมให้ทำงานอัตโนมัติ การอัตโนมัติดิจิทัลช่วยลดความเชื่อมั่นที่มาจากมนุษย์และลดความผิดพลาดในกระบวนการ
5. การเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นดิจิทัล (Digital Transformation) เป็นหัวใจของการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ผลวิจัยจากภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในประเทศไทย เปรียบเทียบไทยกับรถตุ๊กๆ ที่มีเครื่องยนต์ขับเคลื่อน 3 ล้อ โดยแบ่งอุตสาหกรรมออกเป็นรุ่นดั้งเดิม 1.0 เริ่มใช้อีเมล์และมีเว็บไซต์ ,2.0 เริ่มมีระบบ POS, 3.0 ระบบการบริหารจัดการสินค้าคงคลังที่ใช้ข้อมูล และ4.0 การใช้ดิจิทัลเต็มรูปแบบ

ภาพรวมของอุตสาหกรรมการผลิตขนาดเล็กในประเทศไทย ความก้าวหน้าอยู่ในระดับ 1.0 อุตสาหกรรมขนาดใหญ่และขนาดกลางใช้ดิจิทัลในการทำงานประมาณ 30-40%


ในอีก 5 ปีข้างหน้านี้เราคาดหวังว่าสถานการณ์ในธุรกิจขนาดเล็กจะยังคงคล้ายๆ แบบเดิมโดยทั่วไป โดยทำงานแบบดั้งเดิม แต่ใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อนเพิ่มขึ้นที่ประมาณ 2% ซึ่งกลุ่มธุรกิจขนาดกลางจะมีความเคลื่อนไหวมากขึ้นและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้นในระดับ 2.0-4.0 ส่วนกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพและเงินทุนมากกว่า 23% จะเน้นทำงานแบบดั้งเดิมอย่างเหลือเชื่อ

ในกลุ่มท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมหลัก ซึ่งรวมถึงการขนส่ง การจองห้องพัก และกิจกรรมท่องเที่ยว จะเป็นกลุ่มกิจการที่ใช้ดิจิทัลเกือบ 100% ภายในอีก 5 ปี ซึ่งตัวเลขนี้ไม่ค่อยแตกต่างกัน

ในอนาคตอันใกล้เคียง อุตสาหกรรมอื่นๆ ก็จะเริ่มปรับตัวตามมา เช่น ร้านอาหารและสปา คนที่ทำงานในธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กจะเริ่มพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น ในขณะเดียวกัน บริษัทขนาดใหญ่ในอีก 5 ปีข้างหน้าจะทำงานบนแพลตฟอร์มดิจิทัลทั้งหมด

ปัจจุบันมีบริษัททุกขนาดใช้ดิจิทัลในการขับเคลื่อน 6-7% คือ 100 คน มีคนที่ออกแบบการทำงานดิจิทัล 7 คน และอีก 30 คนใช้งานหลังบ้านได้คล่องแคล่ว ที่เหลือเป็นหน้างานพบปะลูกค้า อีก 5 ปีควรมีคนทำงานในลักษณะเป็น developer based เป็น digital based อย่างน้อย 1 ใน 4 ของจำนวนคนในองค์กร เพื่อสร้างแพลทฟอร์ม สร้างข้อมูลต่างๆ ในการทำงาน ขณะที่คนทำงานหน้างานอาจลดลงจาก 60 คน เหลือ 46 คน เป็นความท้าทายของ HR เพราะคนทำงานด้านดิจิทัลหายาก จึงต้อง engage, retain, reskill, upskill โลกของ digital economy โลกของการใช้ดิจิทัลขับเคลื่อนประเทศ ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ HR เป็นทีมหลักในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในองค์กร

 




#PMAT #HRTECH #HR #AIforBetterWorkBetterLife
#HumanResource #PEOPLEMANAGEMENT
#Digital Economy
_______________________
ติดตามข้อมูล ข่าวสารดีๆ ได้จาก PMAT ได้ที่
Facebook: pmatHRsociety
Line: @pmat
YouTube: https://www.youtube.com/@PMAT
Website: www.pmat.or.th
สมัครสมาชิก ติดต่อ: คุณดุจดาว 02 374 0855 ต่อ 21 มือถือ 061-783-4141
E-mail: member@pmat.or.th